16/10/63

เที่ยวพังงาทะเลใต้ของไทย

อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่

 

อุทยานแห่งชาติเขาหลักมีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ได้แก่ เขาหลัก เขาแสงทอง เขาไม้แก้ว และเขาปลายบางโต๊ะ เป็นป่าประเภทป่าดงดิบมีพันธุ์ไม้ อาทิ ไม้ยาง พะยอม หลุมพอ บุนนาค ตะเคียนทอง กระบาก มียอด

 

 

 ความเป็นธรรมชาติของจังหวัดพังงาสะท้อนผ่านการเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง และหนึ่งในนั้นคืออุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ซึ่งสภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปของอุทยานฯ แห่งนี้ ประกอบด้วยป่าดิบชื้น ป่าชายหาด และป่าชายเลน และมีเทือกเขาสลับซับซ้อน ได้แก่ เขาหลัก เขาลำรู่ เขาแสงทอง เขาไม้แก้ว และเขาปลายบางโต๊ะ มียอดเขาสูงที่สุดประมาณ 1,077 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ ๆ ของจังหวัดพังงา ได้แก่ แม่น้ำตะกั่วป่าและแม่น้ำพังงา และยังประกอบด้วยคลองและลำห้วยลำธารเล็ก ๆ มากมาย 

ส่วนบริเวณที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ เป็นพื้นที่ชายฝั่งที่ติดกับทะเล เป็นระบบนิเวศหาดหิน ระบบนิเวศหาดทราย และกลุ่มปะการัง 

 

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ น้ำตกโตนช่องฟ้า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ไหลจากหน้าผาสูง 200เมตร ช่วงที่สวยงามที่สุดคือช่วงเดือนธันวาคม-เดือนมกราคม นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ หาดเขาหลัก มีทัศนียภาพสวยงาม สามารถชมวิวหรือเล่นน้ำได้ และบริเวณหาดเขาหลักนี้ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ด้วย หาดเล็ก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 1.4 กิโลเมตร มีจุดชมวิวและมีปะการังชายฝั่งที่สวยงาม น้ำตกลำรู่ เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีทั้งหมด 5 ชั้น น้ำตกลำพร้าวและน้ำตกหินลาด เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำเกิดจากคลองปลายบางโต๊ะ 

สภาพภูมิอากาศและช่วงเวลาในการท่องเที่ยว เที่ยวได้ตลอดทั้งปี 

ที่พักและบริการ อุทยานฯ มีบริการที่พัก สถานที่กางเต็นท์ ราคา 800-1,200 บาทและมีร้านสวัสดิการของอุทยานไว้บริการนักท่องเที่ยว 

***ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานแห่งชาติ วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม

 

ที่อยู่ : ตะกั่วป่า, พังงา

เครดิต : https://1th.me/7fKxj
 

เกาะปันหยี

 

 
  เกาะปันหยี หรือ บ้านกลางน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ชื่อนี้มีที่มาเนื่องจาก “โต๊ะบาบู” ผู้นำ ชาวอินโดนีเซียอพยพมาเมื่อ 200 ปีก่อน เมื่อมาเจอเกาะปันหยีได้ขึ้นไปปักธงให้พรรคพวกที่อพยพ มาด้วยกันรู้ว่าเป็นสถานที่ เหมาะสมที่จะตั้งบ้านเรือน คำว่า “ปันหยี” แปลว่า “ธง” มีลักษณะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งเรียงราย อยู่บนทะเลมีที่ดินนิดเดียวซึ่งเอาไว้เป็นที่ สร้างมัสยิดและกุโบว์ ชาวเกาะส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และสร้างหมู่บ้านแทบทั้งหมดด้านหน้าของหน้าผาหินปูนเหนือน้ำทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงพื้นบ้าน ตลอดจนมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมายบนเกาะ เป็นแหล่งที่ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาแวะเยี่ยมชมมีสินค้าที่ระลึกจำหน่าย เช่น ผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอย ผ้าบาติก สร้อย กำไล แหวน ที่ทำมา จากหอยมุก และยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีก เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ กะปิและเป็นจุดพักทานอาหาร นักท่องเที่ยว มักนิยมมาทาน อาหารกลางวันที่เกาะปันหยี
 
 
ที่อยู่ :  เกาะปันหยี ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา จ.พังงา 82000

 

 ทะเลแหวกแนวสันหลังมังกร (เกาะยาวน้อย)


ทะเลแหวกแนวสันหลังมังกร จะปรากฏให้เห็นในช่วงน้ำลดตลอดความยาวคดเคี้ยวกว่า 2 กิโลเมตร จุดแห่งนี้ อยู่ห่างจากเกาะยาวน้อย ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นดั่งสาวน้อยบริสุทธิ์สดใส นอนเปลือยเผยโฉมความงาม ทอดกายเป็นแนวยาว กลางผืนน้ำทะเล สีเขียวคราม ห้อมล้อมด้วยสายตาของหมู่เกาะใหญ่น้อย ที่คอยระแวดระวังภัย มิให้ใครมาปองร้ายเธอ จนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง เป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพ ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับจากนักท่องเที่ยว ที่ต่างมุ่งหน้ามาสัมผัสจากภาพทะเลแหวกนี้ วัดระยะทาง จากหัวเกาะ จนถึง ปลายสันดอนทราย วัดได้ประมาณ 2 กม. 

 

 
 
ที่อยู่ : 41/8 ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา 82160

เครดิต : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/21746

 

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

 

 
เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า มีพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่บนบกประมาณ 20,594 ไร่ ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) 
 

 

สำหรับคนชอบสนอร์เกิล หรือการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นแล้ว ทุกคนรู้เลยว่าสักครั้งในชีวิตจะต้องฝ่าคลื่นลมกลางทะเล เพื่อมาสัมผัสโลกใต้ผืนน้ำสีครามที่งดงามของหมู่เกาะสุรินทร์ และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังน้ำตื้น ที่มีมากมายทั้งในเกาะสุรินทร์เหนือและเกาะสุรินทร์ใต้ ที่นี่จึงเป็นแหล่งดำน้ำระดับแถวหน้าของเมืองไทย จะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดทะเลไทยก็คงไม่ผิดนัก มองภาพกว้าง 

หมู่เกาะสุรินทร์มีสภาพที่กำบังคลื่นลมทั้งสองฤดู เนื่องจากเกาะวางตัวเป็นกลุ่มและมีอ่าวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดแนวปะการังริมฝั่งอยู่บริเวณโดยรอบทั้งเกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ และเกาะบริวาร นอกเหนือจากการรับอิทธิพลจากคลื่นลมแล้ว สภาพแวดล้อมทางสมุทรศาสตร์ของบริเวณหมู่เกาะเหล่านี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการพัฒนาของแนวปะการัง คือ น้ำใส อุณหภูมิพอเหมาะ มีแสงแดดส่องถึงในปริมาณที่พอดี และมีการผสมผสานของน้ำที่ได้รับสารอาหารจากมวลน้ำเบื้องล่างที่ปะทะเกาะ ความอุดมสมบูรณ์ของแพลงก์ตอนซึ่งเป็นอาหารสำหรับปลาและสัตว์อื่น ๆ ทำให้ทะเลรอบ ๆ หมู่เกาะสุรินทร์นั้นหนาแน่นด้วยแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก จนได้รับยกย่องว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยทางสมุทรศาสตร์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะของน้ำขึ้นน้ำลงในทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นแบบ Semidiurnal คือน้ำขึ้นและน้ำลงอย่างละ 2 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง และความแตกต่างระหว่างน้ำขึ้นสูงสุดและต่ำสุดอาจถึง 3 เมตร ทำให้มีกระแสน้ำเลียบฝั่งค่อนข้างแรง 

 

สำหรับเกาะสุรินทร์เหนือและเกาะสุรินทร์ใต้นั้น ตั้งอยู่ชิดกันคล้ายเกาะแฝด โดยมีพื้นน้ำตื้น ๆ กว้างประมาณ 200 เมตร กั้นอยู่ โดยเฉพาะในช่วงน้ำลงนั้น สามารถข้ามไปยังอีกเกาะได้เลยทีเดียว จุดนี้เองเป็นจุดที่เรียกกันว่า อ่าวช่องขาด 

ส่วนเกาะขนาดเล็กอีกสามเกาะเป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ไม่หนาแน่นนัก พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น ฤดูกาลเหมาะสม หมู่เกาะสุรินทร์สามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ปริมาณฝนเฉลี่ยในแต่ละปีจะมีค่ามากกว่า 3,000 มิลลิเมตร ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ ในฤดูฝนเป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากจะทำให้ฝนตกหนักแล้ว ท้องทะเลยังมีคลื่นลมแรง 

ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ในช่วงนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว จึงได้มีการกำหนดปิด-เปิดฤดูท่องเที่ยวประจำปี ดังนี้ 

ปิดฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม-31 ตุลาคม ของทุกปี 

เปิดฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-30 เมษายนของทุกปี  

อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ ราคา 800-3,000 บาท

***ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานแห่งชาติ วันที่ 16 พฤษภาคม ถึง 14 ตุลาคม

 

ที่อยู่ :  คุระบุรี, พังงา

เครดิต : https://1th.me/rl9OZ

 

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

 

หนึ่งในสุดยอดทะเลไทยที่มีความสวยงามติดอันดับโลกนามว่า "หมู่เกาะสิมิลัน" แห่งนี้ เปรียบได้กับสรวงสวรรค์ใต้ทะเลที่อุดมไปด้วยความสวยงาม ทั้งปะการังหลากสีสัน ฝูงปลา และที่จัดว่าหาชมได้ยากอย่างโลมา ในขณะที่บนฝั่งนั้นก็รายล้อมไปด้วยหาดทรายเนียนละเอียดนุ่มเท้า จนชาวโลกยกย่องให้หมู่เกาะแห่งนี้มีความงดงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และทุกคนที่เดินทางมาเยือนหมู่เกาะสิมิลัน (Similan Islands ) ต้องหาโอกาสขึ้นเกาะ 8 เพื่อถ่ายภาพที่ระลึกคู่กับหินเรือใบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ราวกับแลนด์มาร์กสำคัญที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าคุณได้เดินทางมาเยือนหมู่เกาะสิมิลันแล้ว 

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน (Mu Koh Similan National Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา คำว่า สิมิลัน เป็นภาษามลายูแปลว่า เก้า หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามัน มี 9 เกาะ เรียงจากเหนือมาใต้ คือ 

1. เกาะหูยง มีหาดทรายที่ยาวที่สุดใน 9 เกาะ ซึ่งเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลด้วย 

2. เกาะปายัง 

3. เกาะปาหยัน * พื้นที่บริเวณโดยรอบของเกาะหนึ่ง สอง และสาม หรือเกาะหูยง เกาะปายัง และเกาะปาหยัน ได้ถูกสงวนให้เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะโดยเด็ดขาด 

4. -5. เกาะเมี่ยง มีสองเกาะติดกัน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มีปูไก่ สัตว์ที่หาชมได้ยาก และนกชาปีไหน มีหาดทรายที่สวยงาม 2 หาด 

6. เกาะปายู 

7. เกาะหัวกะโหลก เป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายหัวกะโหลก มีปะกะรัง ปลากระเบนราหู หุบเขาใต้น้ำ 

 

 

8. เกาะสิมิลัน มีขนาดใหญ่สุด เป็นแหล่งดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ชมปะการังและสัตว์ทะเลนานาชนิด จุดชมวิวหินเรือใบ

9. เกาะบางู จุดดำน้ำ ชมกองหินใต้น้ำ กองหินคริสต์มาสพอยต์ 

ต่อมาได้มีการรวมเอาเกาะตาชัยมาอยู่ในหมู่เกาะสิมิลันด้วย ซึ่งเกาะตาชัยนั้น เป็นเกาะที่มีความสวยงาม หาดทรายขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ และมีปูไก่ให้ชมด้วย 

 

 

ฤดูท่องเที่ยว กำหนดเปิด-ปิดฤดูท่องเที่ยวประจำปี ดังนี้ 

-เปิดฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-15 พฤษภาคม ของทุกปี 

-ปิดฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-31 ตุลาคม ของทุกปี ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน 

อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ ราคา 1,000-2,000 บาท

 

ที่อยู่ : คุระบุรี, พังงา

เครดิต : https://1th.me/uDP6w

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only