22/10/63

ท่องเที่ยวกาฬสินธุ์เมืองแห่งประวัติศาสตร์

 อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร (ท้าวโสมพะมิตร)


 

เดิมนั้นท้าวโสมพะมิตรรับราชการในราชสำนักนครเวียงจันทน์ ภายหลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของสยามให้เป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์คนแรกในฐานะเมืองประเทศราช อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทรหล่อด้วยสัมฤทธิ์เท่าตัวจริงยืนบนแท่น มือขวาถือกาน้ำ มือซ้ายถือดาบอาญาสิทธิ์ ชาวกาฬสินธุ์ได้ร่วมกันก่อสร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อแสดงกตเวทิตาต่อผู้ก่อตั้งเมืองกาฬสินธุ์ ถนนกาฬสินธุ์ หน้าที่ทำการไปรษณีย์กาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

 

ที่อยู่ : หน้าที่ทำการไปรษณีย์กาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

เครดิต : https://1th.me/WhWYs

 

วัดโพธิ์ชัยเสมาราม (วัดบ้านก้อม)

 

วัดโพธิ์ชัยเสมาราม หรือวัดบ้านก้อม เป็นวัดโบราณ เชื่อกันว่าเป็นวัดประจำเมืองฟ้าแดดสงยาง (เมืองโบราณ สมัยขอม ปัจจุบันเหลือแต่ซากอิฐปูนดิน) มีการค้นพบใบเสมาในเมืองฟ้าแดด มีใบเสมาหินขนาดใหญ่ที่อาจถือเป็นเอกลักษณ์ของอีสาน เนื่องจากแทบจะไม่พบในภาคอื่นเลย ชาวบ้านได้นำใบเสมาหินที่ขุดพบมารวบรวมไว้ที่วัดจำนวนมาก บางส่วนอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ใบเสมาที่พบในเมืองฟ้าแดดสงยางมีความโดดเด่นคือ นิยมแกะสลักภาพเล่าเรื่องราวพุทธประวัติและชาดก ใบเสมาจำลองหลักที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุด สลักภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยพระเจ้าสุทโธทนะ พระราหุล และนางยโสธราพิมพา เข้าเฝ้าแสดงสักการะอย่างสูงสุดด้วยการสยายพระเกศาเช็ดพระบาทองค์พระพุทธเจ้า เรียกเสมาหินภาพ "พิมพาพิลาป" ซึ่งใบเสมาหลักนี้ของจริงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ ใบเสมาหินสมัยทวารวดีที่ปักอยู่เป็นแนวกำแพง และที่เก็บรวบรวมไว้ในวัดเป็นบางส่วน จำหลักเป็นภาพต่าง ๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่ตั้ง : บ้านเสมา ตรงข้ามกับทางเข้าเมืองฟ้าแดดสงยาง ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ อยู่ห่างจากตัวอำเภอกมลาไสยไปทางตะวันตกประมาณ 7 กิโลเมตร
 
ที่อยู่ : กมลาไสย, กาฬสินธุ์
เครดิต : https://1th.me/d3Z4L

 

เมืองฟ้าแดดสงยาง


เมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็น ฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพชาดกและพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณเมืองฟ้าแดดสงยาง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานกระจายอยู่ทั่วไปภายในเมืองและนอกเมือง เช่น พระธาตุยาคู กลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 พระธาตุยาคู หรือพระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐ ปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกัน คือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงครามได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดดสงยาง แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจัดให้มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคูเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน
 
ที่อยู่ : ฆ้องชัย, กาฬสินธุ์
เครดิต : https://1th.me/3yUQJ

 

วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว)

 

วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) อยู่บนยอดเขาภูค่าว บริเวณยอดเขาด้านทิศตะวันตกมี "พระพุทธไสยาสน์" แกะสลักบนแผ่นผาอายุนับพันปี ลักษณะตะแคงซ้าย พระเศียรหนุนทับต้นแขน โดยท่อนแขนที่หนุนพระเศียรไม่ได้ตั้งขึ้นและพระหัตถ์ไม่ได้รองรับพระเศียรไม่มีเกตุมาลา ความยาวตลอดองค์พระ 2 เมตร สูง 0.5 เมตร มีทองคำเปลวปิดอยู่ทั่วองค์ สันนิษฐานว่าเป็นพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ทางวัดจัดให้มีงานสรงน้ำพระพุทธรูปไสยาสน์ในวันที่ 19 เมษายน ของทุกปี 

ตำนานท้องถิ่นเล่าว่า พระพุทธไสยาสน์ที่สลักบนแผ่นผานี้ สร้างขึ้นหลังการสมโภชองค์พระธาตุพนมเล็กน้อย ประมาณปี พ.ศ. 8 โดยกลุ่มคนที่จะเดินทางไปร่วมสร้างพระธาตุพนม แต่ไปไม่ทัน องค์พระธาตุพนมสร้างเสร็จก่อน จึงร่วมกันสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เมื่อปี พ.ศ. 2484 พระคุณเจ้าสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ได้ขึ้นไปตรวจสังฆมณฑลภาคอีสาน และแวะจำวัดในเมืองสหัสขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากภูค่าวไปทางตะวันตกราว 8 กิโลเมตร ในครั้งนั้นท่านได้ไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ที่เพิงผานี้ด้วย เมื่อเสร็จสังฆกิจเสด็จกลับกรุงเทพฯ จึงบัญชาให้อธิบดีกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นปูชนียวัตถุโบราณแห่งแรกในจังหวัดกาฬสินธุ์ ภายในวัดยังมี "พระอุโบสถไม้" เป็นพระอุโบสถแบบเปิด สร้างจากไม้ใต้เขื่อนลำปาว เป็นอาคารไม้ทรงไทย ตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน รอบพระอุโบสถแกะสลักลวดลายงดงามเป็นภาพสามมิติและภาพนูนต่ำเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ ทศชาติชาดก และพระเวสสันดรชาดก ภายในพระอุโบสถไม้ประดิษฐาน "พระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร" เป็นพระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม โดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง นอกจากนี้ยังมี "วิหารสังฆนิมิต" ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูปและพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ ที่หายาก สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของวัดนี้คือ "พระมหาธาตุเจดีย์พุทธนิมิต" เป็นเจดีย์ยอดทองคำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินเดีย ศรีลังกา เนปาล และพม่า รวมทั้งพระอรหันตธาตุ พระพุทธนิมิตเหล็กไหล และพระพุทธรูปหินทรายอีกเป็นจำนวนมาก 

ที่อยู่ : บ้านนาสีนวล ตำบลสหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ห่างจากตัวอำเภอสหัสขันธ์ประมาณ 7 กิโลเมตร ห่างจากภูสิงห์ประมาณ 4 กิโลเมตร

เครดิต :  https://1th.me/S8sHM

 

วัดศรีบุญเรือง (วัดเหนือ)

 
 

วัดศรีบุญเรือง (วัดเหนือ) อยู่ใกล้กับวัดกลาง เป็นวัดเก่าแก่ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ มีเสมาจำหลักเมืองฟ้าแดดสงยางจำนวนหนึ่งเก็บรักษาไว้ โดยปักไว้รอบพระอุโบสถ หลักเสมาจำหลักที่สวยงาม คือ หลักที่จำหลักเป็นรูปเทวดาเหาะอยู่เหนือปราสาท ทำเป็นซุ้มเรือนแก้ว ศิลปะแบบทวารวดี ซ้อนกันเป็น 2 ชั้น ด้านล่างสุดมีรูปกษัตริย์ พระมเหสี และพระราชโอรส 

 ที่อยู่ : ถนนอนรรฆนาค ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
 เครดิต : https://1th.me/wUnwA
 

ภูน้ำจั้น

 

วนอุทยานภูน้ำจั้น มีการค้นพบ ฟอสซิลปลาโบราณกว่า 100 ซาก และถือว่าเป็นการค้นพบฟอสซิลปลาโบราณครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย โดยปลาที่พบเป็น ปลาเลปิโตเทสิ ปลาน้ำจืดมีความยาวประมาณ 30-60 ซม. ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วและสูญพันธุ์ไปพร้อมไดโนเสาร์ โดยซากฟอสซิลปลาโบราณ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ก๊าซออกซิเจนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบคทีเรียเติบโตไม่สามารถเข้าถึงซากปลาได้ ซากปลาจึงไม่เน่าและถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นหินกลายเป็นฟอสซิลเหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้ 
ภูน้ำจั้น อยู่ในพื้นที่บ้านดงเหนือ ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายน์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งยังเป็นบึง ในบริเวณที่เป็นภูน้ำจั้นในปัจจุบันนี้ เมื่อ 150 ล้านปีก่อนเป็นบึงขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มากน้ำลึกกว่า 3 เมตร มีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากบึงที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับเกิดความแห้งแล้งขึ้นฉับพลัน น้ำแห้งลงอย่างรวดเร็ว สัตว์ที่เดินหรือคลานได้พากันอพยพไปที่อื่นส่วนปลาต่าง ๆ ก็พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด โดยมุดลงไปฝังตัวอยู่ใต้โคลนก้นบึงแต่ก็ต้องตายลงทั้งหมดเพราะท้ายที่สุดแล้วน้ำได้เหือดแห้งไปสิ้น หลายพันปีต่อมาพื้นที่นี้ทรุดตัวลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็นท้องแม่น้ำเกิดกระบวนการสะสมตะกอนต่อเนื่องตามมาด้วยการยกตัวของเทือกเขาภูพานบริเวณ อ.เขาวง บีบดันจนชั้นหินมีลักษณะเป็นโครงสร้างรูปประทุน ซึ่งมีปลายเรียงทั้งสองข้างมุดลงใต้ดินคล้าย ๆ กับเรือแจวที่มีหลังคาประทุน เรียกกันว่า โครงสร้างรูปกุฉินารายณ์ ต่อมาบริเวณตอนกลางที่เสมือนหลังคาประทุนที่โป่งขึ้นมาถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหุบเขา ทำให้เห็นวงของภูเขารอบด้าน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีชั้นหินที่ออกจากศูนย์กลาง 
ภูน้ำจั้น เป็นแหล่งที่พบซากดึกดำบรรพ์ชนิด ปลากินพืช เลปิโดเทส พุทธบุตรเอนซิส ตั้งชื่อตามวัดป่าพุทธบุตรที่เป็นที่เก็บรวบรวมตัวอย่างพบเป็นจำนวนมากถึง 250 ตัวอย่าง ลักษณะทั่วไปของปลามีเกล็ดเรียบเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่แข็งหนาและมันวาวปกคลุมลำตัว มีความยาว 40-50 ซ.ม. ลักษณะที่ใช้จำแนกชนิดคือกระดูกแก้มที่มากกว่าเลปิโดเทสชนิดอื่น รวมทั้งฟันซี่เล็กแหลมที่พบติดกับขากรรไกร เป็นหลักฐานถึงการใช้ฟันครูดพืชเป็นอาหาร นอกจากนั้นพบซากดึกดำบรรพ์ปลาอิสานอิกทิส พาลัสทริส เป็นปลาสกุลใหม่ ชนิดใหม่ ที่ชื่อสกุลมีความหมายว่าปลากระดูกแข็งจากอิสาน เป็นปลากินเนื้อขนาดใหญ่ลำตัวยาวเรียว ความยาว 96 ซ.ม. พบเพียงตัวเดียวในแหล่งภูน้ำจั้น และยังพบ ปลาปอด เฟอร์กาโนเซอราโตคัส มาร์ตินิ พบความสมบูรณ์ของแผ่นฟันจากขากรรไกรล่างกับขากรรไกรบนเชื่อมติดกับแผ่นกระโหลกพบเพียงตัวเดียว โดยแผ่นฟันที่พบแสดงการใช้งานจนสึกกร่อน พื้นที่ประกอบด้วยหินทรายสีน้ำตาล สีม่วงแดง เม็ดละเอียดถึงปานกลาง การคัดขนาดไม่ดี สลับหินทรายแป้งและหินโคลน สีน้ำตาลแกมแดงเนื้อไมก้า มีชั้นเม็ดปูนและชั้นซิลิกา อยู่ในหมวดหินภูกระดึง 
การเดินทาง วนอุทยานภูน้ำจั้น อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูโหล่ย การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 2042 ไปทางอำเภอกุฉินารายณ์ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2291 ประมาณ 7 กิโลเมตร
 
 
 ที่อยู่ :  บ้านดงเหนือ กุฉินารายณ์, กาฬสินธุ์
เครดิต : https://1th.me/uFxDv
 
 

วนอุทยานภูแฝก (แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์)

 

 
 วนอุทยานภูแฝก (แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับเนินเขาไม่สูงนัก สภาพป่าเป็นป่าเต็งรังมีพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้มะค่าโมง ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ ฯลฯ มีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย เช่น กระรอก กระแต อีเห็น กระต่ายป่า เป็นต้น ภูแฝก ภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ในวนอุทยานภูแฝก วนอุทยานที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห้วยฝา ใกล้ ๆ กับบ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง กิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ วนอุทยานภูแฝก หรือแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ภูแฝก เป็นแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยรอยเท้าไดโนเสาร์นั้นถูกค้นพบบนพลาญหินที่เป็นทางน้ำของห้วยน้ำยัง รอยเท้าฝังอยู่ในผิวหน้าของชั้นหินทรายที่แกร่งของหมวดหินพระวิหาร ซึ่งตามลำดับชั้นหินจะวางตัวอยู่ใต้ชั้นหินของหมวดหินเสาขัว ซึ่งเป็นชั้นหินที่พบกระดูกไดโนเสาร์มากที่สุดของประเทศไทย จากการพบรอยเท้าไดโนเสาร์ทำให้ทราบว่าชั้นหินทรายในบริเวณนี้ 
ในอดีตมีสภาพเป็นหาดทรายริมน้ำ เป็นที่ที่ไดโนเสาร์เดินผ่าน หรือเที่ยวหากินอยู่ในบริเวณหาดทรายชุ่มน้ำนี้ รอยเท้าที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกคลื่นซัดให้ลบเลือน โดยอาจโผล่พ้นน้ำ ทำให้แดดเผาจนคงรูปร่างอยู่ หลังจากนั้นกระแสน้ำได้พัดพาเอาตะกอนมาปิดทับลงไปเป็นชั้นตะกอนใหม่ รอยเท้านั้นจึงยังคงอยู่ในชั้นตะกอนเดิม 
ต่อมาชั้นตะกอนแข็งตัวกลายเป็นหิน รอยเท้านั้นจึงปรากฏอยู่ในชั้นหินนั้น ปัจจุบันธรรมชาติได้ทำลายชั้นหินส่วนที่ปิดทับรอยเท้าออกไป เผยให้เห็นรอยเท้าที่ไดโนเสาร์ได้ทิ้งเอาไว้เป็นประจักษ์พยานถึงการมีตัวตนในอดีต เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เด็กหญิงสองคนพร้อมด้วยผู้ปกครองไปกินข้าวในวันหยุด ได้พบรอยเท้าประหลาดกลางลานหินลำห้วยเหง้าดู่ เชิงเขาภูแฝก บริเวณเทือกเขาภูพาน หลังจากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นักธรณีวิทยาพร้อมด้วยส่วนราชการและเอกชนในจังหวัดกาฬสินธุ์เดินทางไปสำรวจ จึงพบว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ ประเภทเทอร์โรพอด 7 รอย จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ชนิดกินเนื้อ อายุประมาณ 140 ล้านปี ปัจจุบันนั้นเห็นชัดเจนเพียง 4 รอย ที่ตั้ง : หมู่ที่ 6 บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
 
ที่อยู่ :  หมู่ 6 ห้วยผึ้ง, กาฬสินธุ์
เครดิต : https://1th.me/6Y1MP
 
 

น้ำตกแก้งกะอาม

 

น้ำตกแก้งกะอาม เป็นน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ในลำห้วยหลัว ต้นน้ำอยู่ที่ภูตูมบนเทือกเขาภูพาน ลักษณะของน้ำตกเป็นโขดหินเตี้ย ๆ ลดหลั่นลงมา สายน้ำตกจึงมีขนาดไม่ใหญ่ สลับกับบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำและพลาญหิน จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่แก่งหินที่วางเรียงรายเป็นแนวยาวดูแปลกตา ราวกับมนุษย์เป็นผู้ทำขึ้น แม้ว่าน้ำตกแก้งกะอาม จะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่มีลานหินกว้าง เมื่อประกอบกับบรรยากาศโดยรอบที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่แล้ว จึงเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยกิจกรรมที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นการลงเล่นน้ำ และการปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติที่คลอด้วยเสียงน้ำไหล นอกจากนั้นที่ด้านบนของลำห้วยยังมีการสร้างฝายกั้นธารน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปชมความงามของพันธุ์ไม้ในป่าได้ด้วย เช่นเดียวกับน้ำตกหลาย ๆ แห่ง น้ำตกแก้งกะอามจะมีน้ำมากน่าเที่ยวในช่วงฤดูฝน ไม่แนะนำให้มาในฤดูแล้ง เพราะนอกจากน้ำจะน้อยหรือไม่มีน้ำแล้ว สภาพป่ายังดูรกร้าง ไม่เขียวครึ้มน่าชมเหมือนในฤดูฝน 
วันและเวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. 
ค่าเข้าชม: ฟรี 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 4324 4498-9
 
ที่อยู่ : บ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ 
เครดิต :  https://1th.me/C5tUC
 

วนอุทยานภูพระ


 วนอุทยานภูพระ เดิมเป็นป่าภูพระอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงมูลมีเนื้อที่ประมาณ 64,900 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2526 ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ชุมชน ป่าภูพระมีพรรณไม้ขึ้นหนาแน่น มีสัตว์ป่า ลำธาร และทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่หลังเขาเป็นที่ราบประดิษฐานพระพุทธรูปหินเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวในเขตวนอุทยานฯ เป็นลานหินผากว้าง ความลึกของหน้าผา 150-200 เมตร เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ถ้ำเสียมสับ เป็นถ้ำของหินผาที่มีลักษณะคล้ายเสียมที่ขุดลงหิน ซึ่งเมื่ออยู่หน้าปากถ้ำจะเห็นหินผาที่สูง เป็นถ้ำที่เกิดจากการแยกตัวของหินผา ภายในถ้ำมีทางเดินกว้าง 2 เมตร ระยะทาง 30 เมตร ในสมัยก่อนจะมีพระสงฆ์มาจำพรรษาและปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ผาหินแยก เป็นหน้าผาที่แยกตัวเป็นทางยาว 20 เมตร ลึก 6 เมตร ซึ่งผาที่แยกตัวออกมาจะมีลักษณะเอนเอียงเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ได้ ถ้ำพระ เป็นถ้ำที่มีความลึก 30 เมตร ปากถ้ำกว้าง 15 เมตร มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และชาวบ้านในท้องถิ่นต่างให้ความเคารพสักการะเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีงานเดินขึ้นภูพระเพื่อสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี
 
ที่อยู่ :  ท่าคันโท, กาฬสินธุ์
เครดิต :  https://1th.me/bkczm

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only