21/11/63

ไหว้พระเสริมสิริมงคลที่ลำพูน

 

วัดพระธาตุห้าดวง


วัดนี้เป็นที่ตั้งของหมู่เจดีย์ 5 องค์ โดยตามตำนานกล่าวว่าพระนางเจ้าจามเทวี กษัตริย์ครองเมืองหริภุญชัย ได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่ามีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จมาดูด้วยพระองค์เอง เวลากลางคืนได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้วทั้ง 5 ดวง ลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาก็ทราบว่า คือพระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำก็ไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดศรัทธาและได้สร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้ โดยในวันที่ 20 เมษายนของทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง


ที่ตั้ง : เลขที่ 1 ถนนนพหลโยธิน ตำบลลี้ ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ไปทางใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ทางหลวงหมายเลข 106 เข้าไปประมาณ 500 เมตร

เครดิต :  https://1th.me/WVDdt

 

วัดพระพุทธบาทผาหนาม


 วัดพระพุทธบาทผาหนาม นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอลี้แล้ว ยังเป็น จุดชมวิวของเมืองลี้ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเคล้าสายหมอกบางในยามเช้าได้อย่างงดงาม 

วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็น วัดร้างก่อนการบูรณะขึ้นใหม่กว่า 300 ปี ประกอบด้วยจารึกถึงพระครูบามหารัตนาคร ครูบินใจ ครูบาพุทธิมา ครูบาสุนันทะ ครูบาจันทร์แก้ง ครูบาก๋า ครูบาอินตุ้ยและครูบาสุยะ ทิ้งให้เป็นป่ารกร้างแต่มีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้าง และรอยพระพุทธบาท ผาหนาม 

ต่อมาครูบาอภิชัยขาวปีซึ่งมีอายุ 76 ปี ได้ร่วมกับชาวบ้านผาหนามที่อพยพหนีน้ำท่วมจากเขื่อนภูมิพล โดยยึดเอาการบูรณะ วัดร้างบนดอยผาหนาม เป็นวัดที่เจริญรุ่งเรื่องด้วยศรัทธาและสิ่งก่อสร้างมากมาย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยเฉพาะรูปปั้นปูนขนาดใหญ่ของครูบาอภิชัยขาวปีในเครื่องนุ่งห่มแบบชีปะขาวอยู่เชิงดอยผาหนาม 

ในวันที่ 13 -17 เดือนเมษายน ของทุกปีจะมีงานนมัสการสรงน้ำเป็นประจำ โดยจะมีประชาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาทำบุญเป็นจำนวนมาก วัดพระพุทธบาทผาหนามมี 2 จุด ให้แวะชมคือ ตัววัดที่ตั้งอยู่ด้านล่างมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของ ครูบาอภิชัย (ขาวปี) ศิษย์ของ ครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นจุดเด่นตรงหน้าวัด และอีกหนึ่งจุดคือองค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนยอดดอย 2 องค์ โดยมีสะพานเชื่อมถึงกันและเป็น จุดชมวิวซึ่งสามารมองเห็นเมืองลี้ได้ในมุมสูงแบบ 360 องศา หากเดินทางในช่วงเช้าประมาณ 6 โมง ก็จะได้พบกับทะเลหมอกอีกด้วย 

สำหรับการเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวตั้งอยู่บนยอดดอยสามารถเดินทางได้  2 วิธี คือ เดินขึ้นบันไดนาคซึ่งตั้งอยู่ด้านล่าง หรือขับรถ ขึ้นไปซึ่งทางขึ้นจะอยู่ด้านข้างวัด ทางขึ้นโดยรถยนต์เป็นดินลูกรังและแคบแต่รถทุกชนิด สามารถขึ้นได้แต่ต้องขับรถด้วยความ ระมัดระวัง นอกจากนี้บริเวณจุดชมวิวยังมีร้านกาแฟ กาแฟชมดอย ตั้งอยู่บริเวณด้านบนด้วย สามารถจิบกาแฟพร้อมชมวิวไปด้วย

 

ที่อยู่ :  น้ำเกลี้ยง, ลำพูน

เครดิต : https://1th.me/QkzNH

 

วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร


ถ้ามาเยือนลำพูนแล้วไม่ได้แวะชมวัดแห่งนี้ ถือว่ามาเสียเที่ยวจริง ๆ เพราะที่นี่คือวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองลำพูน ตามประวัตินั้นกล่าวว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช และภายในวัดก็เต็มไปด้วยโบราณสถานล้ำค่าให้คุณได้ชื่นชมมากมาย น่าชม 

ซุ้มประตู ก่อนก้าวเข้าสู่ภายในวัด คุณจะต้องผ่านซุ้มประตูอันเป็นฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ก่ออิฐถือปูนประดับลวดลายวิจิตรพิสดาร ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็นชั้น ๆ หน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่าบนแท่นสูงประมาณ 1 เมตร สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชเมื่อทรงถวายวังให้เป็นสังฆาราม 

วิหารหลวง เป็นวิหารหลังใหญ่ที่คุณจะได้พบหลังจากเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาวิหารหลังนี้มีพระระเบียงรอบด้าน มีมุขออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่แทนวิหารหลังเก่า ซึ่งถูกพายุพัดพังทลายไปเมื่อ พ.ศ. 2458 โดยใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล และประกอบศาสนกิจทุกวันพระ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธปฏิมาใหญ่ 3 องค์ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทองบนแท่นแก้วและมีพระพุทธปฏิมาโลหะขนาดกลางสมัยเชียงแสนชั้นต้นและชั้นกลางอีกหลายองค์ 

 พระบรมธาตุหริภุญชัย ตั้งอยู่หลังวิหารหลวง เป็นที่ประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุในโกศทองคำ เจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ มีสัตถบัญชร (ระเบียงหอกซึ่งเป็นรั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือและทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์และฉัตรประจำสี่มุม หอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีปและแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ 

ในวันเพ็ญเดือน 6 โดยจะมีการจัดงานนมัสการและสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำ บรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในและมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลายสมัย 

ต่อมาใน พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่และได้ปฏิสังขรณ์บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่เป็นแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ 1

เปิดเวลา 6.00-18.00 น. 

ค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท 

สอบถามรายละเอียด โทร. 0 5331 1104 โทรสาร 0 5353 0753 

เว็บไซต์ www.hariphunchaitemple.org

 

ที่อยู่ : ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฎฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทางทิศตะวันออก และถนนอินทยงยศทางทิศตะวันตก ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร

เครดิต : https://1th.me/z8odw 

 

วัดจามเทวี

 ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่บนถนนจามเทวี หมู่ 5 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยล้านนาไทย บางแห่งก็ว่าพระนางจามเทวีสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1298 โดยใช้ช่างฝีมือชาวละโว้ บ้างก็ว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวี ได้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของพระนาง เดิมมียอดพระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้น ๆ อยู่ในซุ้มพระทั้งสี่ด้าน ด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญไชย ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบแน่ชัดยอดพระเจดีย์ได้หักหายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า กู่กุด พระเจดีย์องค์นี้มีชื่อเป็นทางการว่า พระเจดีย์สุวรรณจังโกฎ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีรัตนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางขวามือของวิหาร สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ปี พ.ศ. 1184 มีพระฤๅษีไปพบทารกหญิง ถูกพญานกคาบมาทิ้งไว้บนใบบัวหลวง จึงเลี้ยงดูและสอนสรรพวิทยาการต่าง ๆ ให้ เมื่อพระนางจามเทวี เจริญวัยได้ 13 พรรษา พระฤๅษีจึงต่อนาวายนต์พร้อมด้วยฝูงวานรเป็นบริวารลอยล่องไปตามลำน้ำ ถึงยังท่าน้ำวัดชัยมงคล เมื่อพระเจ้ากรุงละโว้และพระมเหสีพบเห็น จึงได้นำกุมารีน้อยนั้นเข้าสู่พระราชวัง และตั้งให้เป็นพระราชธิดา นามว่า "จามเทวีกุมารี" และให้ศึกษาศิลปวิทยาการตำราพิชัยสงคราม และดนตรีทุกอย่าง พ.ศ. 1198 พระนางจามเทวีมีพระชนม์ 14 พรรษา ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายราม แห่งนครรามบุรี ต่อมา พ.ศ. 1204 พระนามจามเทวีมีพระชนม์ 20 พรรษา เป็นกษัตรีย์วงศ์จามเทวีแห่งนครหริภุญชัย โดยพระนางเจ้าได้อัญเชิญพระแก้วขาว (พระเสตังคมณี) จากเมืองละโว้ เมื่อปี 700 ขึ้นมา เพื่อประดิษฐานเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง (ปัจจุบัน พระเสตังคมณีองค์นี้ยังประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่) พระนางจามเทวี มีพระโอรส 2 องค์ องค์พี่มีนามว่ามหายศ (มหันตยศ) องค์น้องมีนามว่าอินทวร(อนันตยศ) โดยพระเจ้ามหายศ ได้ขึ้นเสวยครองเมืองหริภุญชัยนคร(ปัจจุบันคือจ.ลำพูน) แทนพระมารดา ส่วนพระองค์น้องพระเจ้าอินทวรไปครองเมืองเขลางค์นคร(ปัจจุบันคือ จ.ลำปาง) เมื่อพระนางจามเทวีมีพระชนม์ได้ 60 พรรษา ได้สละราชสมบัติทุกอย่าง ให้พระโอรสทั้งสอง โดยพระนางออกบวชชีบำเพ็ญพรตอยู่ที่วัดจามเทวีแห่งนี้ พ.ศ. 1276 พระนางจามเทวีได้ปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดแห่งนี้ พระชนม์ครบ 92 พรรษา พระนางจึงได้สิ้นพระชนม์ ซึ่งทางพระมหันตยศ และพระอนันตยศ ก็ได้จัดถวายพระเพลิงภายในวัดดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ และได้สร้างเจดีย์สี่เหลี่ยมบรรจุพระอัฐิของพระนางไว้ ณ ที่นี้ โดยให้ชื่อเจดีย์ว่า สุวรรณจังโกฎเจดีย์ ที่ได้เป็นต้นแบบของเจดีย์ในแถบล้านนา

 

ที่อยู่ : หมู่ 5 ถนนจามเทวี เมืองลำพูน, ลำพูน

เครดิต :  https://1th.me/K4o6J

 

วัดพระธาตุดอยเวียง

 วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี เมื่อ พ.ศ. 1220 ซึ่งตามตำนานจารึกในใบลานเล่าว่า ขุนหลวงปาละวิจามาตั้งเมืองที่นี่ที่เป็นเมืองหน้าด่าน และได้สร้างวัดขึ้นบนยอดดอย ต่อมาเกิดเหตุไฟป่าได้ไหม้ลุกลามวัดเสียหาย ทำให้เหลือแต่เจดีย์และศาลาเล็ก ๆ เพียงหลังเดียว อย่างไรก็ตาม 

วัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์ธาตุดอยเวียงอันเก่าแก่ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ รวมทั้งพระพุทธรูปเก่าแก่อีก 3 องค์ 

องค์แรกเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว ที่เรียกกันว่า "พระเจ้าสายฝน" เพราะเคยมีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งฝนแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนเลยนำพระองค์นี้มาแห่ขอฝนปรากฎว่าฝนก็ตกตามที่ขอ

ส่วนองค์ที่สองหน้าตักกว้าง 99 นิ้ว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ และองค์ที่สามหน้าตักกว้าง 89 นิ้วประดิษฐานที่เชิงดอย พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ ข้างในเป็นศิลาแลงและข้างนอกฉาบปูน สมัยที่ค้นพบนั้นเหลือไม่เต็มองค์ เห็นแต่เศียรปักดินชาวบ้านจึงเรียกว่า "พระเจ้าดำดิน" และทุกปีในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุที่ได้สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาคืนสู่วัดแห่งนี้


ที่อยู่ : หมู่ 9 บ้านธิ, ลำพูน

เครดิต :  https://1th.me/WcORv

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only