วัดพระปรางค์เหลือง
วัดพระปรางค์เหลือง เป็นวัดโบราณที่เก่าแก่มากวัดหนึ่ง และเป็นสถานที่หนึ่งในสมัยที่ ร.5 เสด็จประพาสต้น เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปกรได้คำนวณอายุของวัดว่าเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2305 ซึ่งเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และในอดีตที่ผ่านมาวัดมีชื่อเสียงในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
วัดเก่าแก่มีอายุเก่าแก่กว่า 230 ปีแห่งนี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ประมาณปี พ.ศ. 2305 และยังเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับโบราณสถานเมืองบน อันเป็นหัวเมืองโบราณในสมัยทวารวดี ที่ปรากฏร่องรอยคูเมืองโบราณอยู่ด้านทิศเหนือของวัด จึงอาจบ่งบอกได้ว่าวัดพระปรางค์เหลืองน่าจะเป็นชุมชน และแหล่งอารยธรรมโบราณมาก่อน และในอดีตที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จฯ ณ วัดพระปรางค์เหลืองถึงสามครั้งด้วยกัน โดยครั้งที่มีความสำคัญมากที่สุดคือครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2449 ที่ "หลวงพ่อเงิน" ได้ถวายการรดน้ำมนต์แด่พระองค์ท่าน และจากนั้นท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูพยุหานุสาสก์" ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรีที่มีชื่อเสียงด้านรดน้ำมนต์ "จินดามณี" โดยภายในวัดมีโบรณสถานสำคัญหลายแห่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม น่าชม
- องค์พระปรางค์เหลืองที่ปรางค์องค์เดิมนั้นมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นเจดีย์องค์เก่าอยู่ในพื้นที่โบราณสถานเมืองบนสมัยทวารวดีและมีการบูรณะในสมัยอยุธยา โดยหลวงพ่อเงินได้กราบทูลองค์พระยาดำรงราชานุภาพกล่าวว่า บนกองอิฐนั้นน่าจะเป็นองค์พระปรางค์เล็ก ๆ และทาสีเหลืองไว้ สมควรชื่อพระปรางค์เหลือง ซึ่งปัจจุบันพระปรางค์องค์นี้มีลักษณะเป็นพูนอิฐ และดินสูงเหมือนเนินเขาเตี้ย จึงได้มีการสร้างองค์พระปรางค์เหลืององค์ใหม่ เป็นปรางค์ที่มีทัศนียภาพสวยงามตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา โดยทำเป็นสีขาวทั้งองค์ สูงประมาณ 29 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงสามชั้น ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ตรงกลางขององค์ปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ
- วิหารหลวงพ่อโตประดับเครื่องสังคโลก
- แพท่าน้ำรับเสด็จ เก๋งเรือพระราชทาน
- กุฏิเก่าหลวงพ่อเงิน มีรูปหล่อหลวงพ่อเงิน รวมทั้งภาพถ่ายสำคัญในอดีต
ที่อยู่ : พยุหะคีรี, นครสวรรค์
เครดิต : https://1th.me/1ABpL
วัดบางมะฝ่อ
เป็นวัดเก่าแก่สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จุดน่าสนใจอยู่ที่โบสถ์ มีประตูหน้าต่างรูปทวารบาล ฝาผนังด้านในเป็นภาพพุทธชาดก ในวิหารมีภาพพุทธประวัติเป็นฝีมือช่างเก่า พระประธานปางมารวิชัยมีความแปลกตรงที่มีตาลปัตรอยู่ด้วย และในวิหารมีรอยพระพุทธบาทที่งดงามมาก
หากเอ่ยถึงโบสถ์ของวัดที่มีความโดดเด่นของนครสวรรค์แล้ว ย่อมต้องมีชื่อวัดบางมะฝ่อปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอน ความโดดเด่นของโบสถ์วัดบางมะฝ่อนั้น เริ่มตั้งแต่ประตูและหน้าต่างเป็นรูปทวารบาล ด้านในมีรูปราชาธิปกที่ได้รับพระราชทานมา และมีรอยพระพุทธบาทที่งดงามมาก แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้รับยกย่องว่ามีความสวยงามที่สุดคืองานจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวพระเวสสันดร ภาพพระเจ้าสิบชาติ เรื่องจันทกุมาร อันเป็นฝีมือช่างสมัยโบราณ และองค์พระประธานของโบสถ์หลังนี้แม้เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย หากก็มีความพิเศษตรงที่มีตาลปัตรอยู่ด้วย
นอกจากอุโบสถแล้ว ในวัดบางมะฝ่อยังมีอาคารรุ่นเก่าอีกหลายหลังที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นวิหาร ศาลาการเปรียญ และศาลายุรยาตร์ ขณะเดียวกันวัดยังเป็นที่รวมตัวของชุมชนในการทำบุญตักบาตรประจำวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และมีการจัดงานประจำปีของวัดในวันแรม 9 ค่ำ และ 10 ค่ำ เดือน 11 เป็นประจำทุกปี และที่สำคัญ วัดเคยใช้เป็นที่จัดงานประเพณีเลี้ยงข้าวแช่ประจำปีของชาวตำบลบางมะฝ่อ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่จัดขึ้นในวันครอบครัวที่มีการจัดงานสืบต่อกันมาไม่ต่ำกว่าร้อยปีเลยทีเดียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แต่ละครอบครัวรวมตัวกันทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งข้าวแช่และกับข้าวที่นำมาเลี้ยงนั้น เคยเป็นอาหารของชาวมอญและเป็นอาหารภายในวัง กล่าวกันว่าเมื่อประมาณกว่า 100 ปีที่ผ่านมา มีผู้นำอาหารดังกล่าวมาเผยแพร่ให้กับคนท้องถิ่นได้รู้จัก พร้อมกับเชิญให้ทุกคนในตำบลมาร่วมกันรับประทานอาหารร่วมกัน จนเกิดเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ และกลายมาเป็นงานประเพณีเพื่อสืบสานเอกลักษณ์ ประจำตำบลบางมะฝ่อในที่สุด ที่มาวัดบางมะฝ่อ วัดนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2322 (สมัยกรุงธนบุรี) เดิมชื่อวัดจันทป่าฝ้าย ตามนามผู้สร้าง คือนายจันท์ และนางฝ้าย แต่ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญานวโรรส ประทานพระมหาสมณวินิจฉัยว่า วัดในตำบลใด ก็ควรตั้งชื่อตามตำบลนั้น จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดบางมะฝ่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับอุโบสถวัดบางมะฝ่อนั้น สร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2467-2471 ยุคที่พระครูนิภาสธรรมคุณ (หลวงพ่ออ่อน) เป็นเจ้าอาวาส พระครูนิภาสธรรมคุณเป็นที่นับถือศรัทธาของชาวบางมะฝ่อยิ่งนัก จนชื่อของท่านถึงกับถูกรวมเข้าไปในคำขวัญของตำบลที่ว่า "ชาวบางมะฝ่อ เหล่ากอคนดี ประเพณีข้าวแช่ กล้วยหอมแน่ ละมุดหวาน ลูกหลานหลวงพ่ออ่อน"
ที่อยู่ : โกรกพระ, นครสวรรค์
เครดิต : https://1th.me/Un6tq
วัดถ้ำพรสวรรค์
ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่ถ้ำพรสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุสังขารพระครูนิมิตสิทธิการ หรือหลวงพ่อเป้า เขมกาโม บุคคลที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้ามากราบสักการะ โดยภายในถ้ำแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน กล่าวคือ
ส่วนแรกเป็นห้องเล็ก ๆ และส่วนที่สองเป็นห้องใหญ่ขึ้นที่มีพระพุทธรูปวางอยู่มากมาย ภายในถ้ำมีน้ำตกจำลอง วางสระน้ำไว้ตรงกลาง และติดตั้งระบบไฟฟ้าประปาอย่างพร้อมูล บรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
วัดนี้มีที่มา เดิมทีถ้ำพรสวรรค์เป็นถ้ำรกร้างกลางป่าที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ ในปี พ.ศ. 2507 พระครูนิมิตสิทธิการ หรือ หลวงพ่อเป้า เขมกาโม ได้มาจำพรรษาที่บริเวณถ้ำเขาตะบองนาค และมีพุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธาช่วยกันปรับปรุงภายในถ้ำและนอกถ้ำ พร้อมกับบริจาคจตุปัจจัย หลวงพ่อจึงได้นำมาใช้ในการพัฒนาถ้ำและสร้างถาวรวัตถุ โดยเริ่มจากการสร้างบ่อน้ำ บันไดทางเข้าถ้ำ สร้างกุฏิ โบสถ์ ศาลา และในปี พ.ศ. 2537 พระสมพงษ์ ทองแฉล้ม (พระครูใบฎีกา สมพงษ์ กิตติสจโจ) ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัดโดยมีการเทพื้นปูหินอ่อนเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืด พร้อมกับจัดประเพณีลอยกระทงในถ้ำโดยใช้วัสดุธรรมชาติ และมีการจัดกิจกรรมปลูกป่าอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นประจำทุกปี
ที่อยู่ : ตากฟ้า, นครสวรรค์
เครดิต : https://1th.me/LBvYd
วัดคีรีวงศ์
ตั้งอยู่บนเขาในเขตตัวเมืองนครสวรรค์ ภายในบริเวณวัดประกอบด้วย พระอุโบสถ สมเด็จพระพุทธโคดมจำลอง ศาลาพุทธานุภาพ วิหารหลวงพ่อโต และพระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งนับว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด
สักการะพระจุฬามณี องค์มหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครสวรรค์ โดยคุณสามารถเดินชมภายในเจดีย์ขนาดใหญ่แห่งนี้ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน
โดยด้านหน้าบนฐานชั้นแรกเป็นที่จุดธูปเทียนบูชา
ส่วนชั้นที่สองจะมีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย ได้แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ รวมทั้งรอยพระพุทธบาทจำลอง 12 ราศีไว้ให้ประชาชนทั่วไปได้กราบสักการะและปิดทองเพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นเมื่อเดินขึ้นสู่ชั้นที่สาม ด้านนอกจะพบรูปเหมือนหลวงพ่อมหาบุญรอด ผู้สร้างมหาเจดีย์แห่งนี้พร้อมกับประวัติโดยย่อของท่าน ตรงกลาวคือที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่วางบนแท่นเจดีย์องค์เล็ก เพื่อให้ผู้คนได้บูชา นอกจากนี้ชั้นที่สามยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของเมืองไทยไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา อันได้แก่ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง และพระพุทธรูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง พร้อมกับเพลิดเพลินภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ รวมทั้งชมวิวสวย ๆ ของเมืองนครสวรรค์จากชั้นนี้ได้
ส่วนชั้นสุดท้ายคือชั้นที่สี่ที่เป็นจุดชมวิวเมืองนครสวรรค์ในมิติพานอรามากว้างไกลสุดตา ยิ่งในวันท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเป็นใจ คุณจะมองเห็นเขากบ บึงบอระเพ็ด ตลาดปากน้ำโพในทิศตะวันออก ส่วนทิศใต้คือวิวของอุทยานสวรรค์ ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ และเขาจอมคีรีนาคพรต ครั้นหันไปฝั่งตะวันตกจะเห็นภูเขาน้อยใหญ่ทอดตัวตระหง่านสลับซับซ้อนราวกำแพงเมือง โดยเฉพาะในช่วงอาทิตย์อัสดงนั้น การชมวิวบนชั้นที่สี่จะกลายเป็นความทรงจำที่คุณลืมไม่ลงทีเดียว กล่าวเฉพาะวัดคีรีวงศ์อันเป็นที่ตั้งของมหาเจดีย์องค์นี้ วัดนี้นับเป็นที่ตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ในความอุปถัมภ์ของกรมการศาสนา และเป็นที่ตั้งอุทยานการศึกษา ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งเป็นสำนัก ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งที่ 1 โดยมีเจ้าคุณพระวิกรมมุนี (พระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.5) รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เป็นปฐมเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ถึงปัจจุบัน
เปิดบริการทุกวันเวลา 7.00 น.-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 5622 2009, 0 5622 6199
ที่อยู่ : ตากฟ้า, นครสวรรค์
เครดิต : https://1th.me/eor2w
วัดเกรียงไกรกลาง
วัดนี้เดิมทีเดียวมีชื่อเรียกมากมาย อาทิเช่น วัดเชียงกายบ้าง วัดเชียงกรายบ้างหรือวัดเชียงไกรบ้าง จากนั้น ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดปากน้ำ และวัดใหญ่ ครั้นมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรเห็นน้ำท่วมเต็มไปหมด พระองค์จึงพระราชทานนามให้ใหม่อีกครั้งว่าวัดคงคาราม จนกระทั่งในยุคหลัง ได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเป็นชื่อตามตำบล ซึ่งก็คือ วัดเกรียงไกร มาจนถึงปัจจุบัน
และเนื่องจากตำบลเกรียงไกรนั้น มีวัดเพิ่มขึ้นอีก 2 วัด ดังนั้นวัดเกรียงไกรจึงต้องมีคำว่า ใต้-กลาง-เหนือ ต่อท้าย เช่นทุกวันนี้
สถานที่สำคัญภายในวัด
- หลวงพ่อพุทธนิมิตสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ มีตำนานเล่าว่า ในช่วงที่กรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลงเรื่อย ๆ เกิดภัยสงครามอยู่เป็นประจำ ชาวสุโขทัยจึงได้นำพระพุทธรูปล่องแพมาตามลำน้ำ และเมื่อมาถึงปากน้ำเชียงไกร แพได้จมลง ชาวบ้านจึงช่วยกันนำพระพุทธรูปขึ้นมาแล้วโบกปูนทับ ซ่อนไว้ในผนังพระอุโบสถเพื่อให้รอดพ้นจากภัยสงคราม พอมาถึงในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ. 2147 ชาวบ้านได้สร้างวัดนี้ขึ้นตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2511 ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถจึงพบแต่พระพุทธรูปปูนธรรมดา ครั้นนานวันเข้าปูนกะเทาะออก จึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ
- วิหารโบราณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2400-2430 และยังคงความเก่าคลาสสิก ไม่มีการบูรณะใด ๆ ภายในมีรอยพระพุทธบาทจำลอง รวมทั้งจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นภาพพุทธชาติชาดก โดยปกติแล้ววิหารเก่าหลังนี้จะเปิดให้เข้าชมในช่วงเทศกาลเท่านั้น สำหรับช่วงนอกเทศกาล สามารถแจ้งทางวัดให้เปิดได้ ทิปส์ท่องเที่ยว บริเวณหน้าวัดมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นลิงที่มีลักษณะพิเศษคือ ค่อนข้างเชื่อง ไม่ดุร้าย และไม่ทำร้ายคน โดยทางวัดได้จัดเตรียมอาหารลิงไว้ให้นักท่องเที่ยวสามารถนำไปเลี้ยงลิงได้ทุกวัน นอกจากนี้ในวัดยังมีฟาร์มจระเข้ให้ชมอีกด้วย เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร +66 5651 4982
ที่อยู่ : เมืองนครสวรรค์, นครสวรรค์
เครดิต : https://1th.me/wTPya
แสดงความคิดเห็น