วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
หากเอ่ยถึง รอยพระพุทธบาท แน่นอนว่าสถานที่แรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ รอยพระพุทธบาท ที่ 'วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร'
ในจังหวัดสระบุรี พระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2167
ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีปูชนียสถานสำคัญอันเลื่องชื่อคือ
'รอยพระพุทธบาท' ขนาดความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว
ที่ประทับบนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี
ด้วยเป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ พระเจ้าทรงธรรม จึงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างมณฑปชั่วคราวครอบไว้
และมีการต่อเติมกันอีกหลายสมัยพระมณฑปเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว
ผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจก
บานประตูเป็นงานประดับมุกชั้นเยี่ยมของเมืองไทย
พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นสู่พระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสาย หมายถึง
บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์ หัวนาค 5
เศียรที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด
สำหรับผู้ที่มานมัสการสามารถแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนมนุษย์ได้
ด้วยการตีระฆังที่แขวนเรียงรายอยู่รอบมณฑป
เชิงบันไดนาคมีศาลาเปลื้องพระภูษา
สำหรับพระเจ้าแผ่นดินทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท
ในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก
ส่วนพระอุโบสถและพระวิหารที่อยู่รายรอบล้วนเป็นศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา
และกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังมี วิหารจีน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท
(วิหารหลวง) สำหรับเก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันมีค่ามากมาย การได้มา วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้กราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว
ยังได้ชมโบราณสถานและโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย
นับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30
น.(วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มี งานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท
ปกติจัดปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ
เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ)อัตราค่าบริการ คนไทยไม่เสียค่าเข้าชม
ชาวต่างประเทศคนละ 30 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ +66 3524 6076-7
วัดศรีบุรีรัตนาราม
'วัดพระศรีบุรีรตนาราม'
หรือที่เรียกอีกชื่อว่า 'วัดปากเพรียว' นอกจากเป็นวัดเก่าแก่
คู่บ้านคู่เมืองสระบุรีในปัจจุบันแล้ว เมื่ออดีตราวปี พ.ศ. 2092
วัดแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำพิธี ทางศาสนาของกองทัพ
ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองในสมัยนั้นเช่นกัน
และครั้งหนึ่งยังเป็นวัดที่องค์พระแก้วมรกตเคยมาประดิษฐานพักอยู่
ก่อนจะอัญเชิญเข้าสู่กรุงเทพฯ
โดยทราบได้จากหนังสือพงศาวดารกรุงธนบุรีที่บอกเล่าว่า เมื่อครั้ง รัชกาลที่
1 ยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
เข้าตีเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว
ได้อัญเชิญองค์พระแก้วมรกตล่องเรือถึงเมืองสระบุรี มาพักที่วัดปากเพรียว
เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ พระมหาอุปราช
เสด็จมารับองค์พระแก้วมรกตอัญเชิญลงเรือที่หน้าวัดปากเพรียว
เพื่อนำกลับสู่กรุงธนบุรี และไม่เพียงเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง หากยังมี
'หลวงพ่อพุทโธ'
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวสระบุรีให้ความเคารพสักการะ
ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในวิหารข้างอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
แบบสมัยสุโขทัย อยุธยา จนมาถึงกรุงรัตโกสินทร์ ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เมตร 30
เซนติเมตร ส่วนสูงนับจากพระเกศมายังฐานที่ประทับสูง 3 เมตร 60 เซนติเมตร
เมื่อนำเศียรมาประกอบเข้าด้วยกันแล้วมีลักษณะงดงามพระพักตร์อิ่มเอิบ
ยิ้มแย้มแสดงถึงความมีเมตตาควรแก่การเคารพ
ผู้คนที่นิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าวกับหลวงพ่อพุทโธ มักจะใช้พวงมาลัย 3
พวง หรือ 9 พวง
พร้อมด้วยมะพร้าวน้ำหอมตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอในสิ่งที่เป็นไปได้จากหลวงพ่อพุทโธ
เปิดให้เข้าชมทุกตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
+66 3524 6076-7
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของ "อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย"
เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับพื้นที่ราบ
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ที่ 180-402 เมตร
บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือติดคลองมวกเหล็กซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี
ตอนกลางของพื้นที่มี ห้วยแล้ง ลำห้วยเล็ก ๆ
จะมีน้ำไหลผ่านเฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าปลูก
เนื่องจากพื้นที่แต่เดิมถูกบุกรุกทำลาย ภายหลังจึงได้รับการปลูกป่าฟื้นฟู
จุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมก็คือ "น้ำตกเจ็ดสาวน้อย"
เป็นน้ำตกชั้นเตี้ย ๆ จำนวน 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูง 2-5 เมตร
สายน้ำไหลลดหลั่นเป็นธารน้ำตกกว้างคล้ายแก่งขนาดใหญ่ มีอ่างน้ำตื้น ๆ
หลายแห่งที่ลงเล่นน้ำได้ น้ำตกชั้นที่สวยงามที่สุดคือ ชั้นที่ 4
และจะสวยมาก ๆ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน เพราะน้ำใสสะอาด
ไม่ไหลเชี่ยว จึงลงเล่นได้อย่างปลอดภัย น้ำตกเจ็ดสาวน้อย มีต้นกำเนิดมาจาก
ลำห้วยมวกเหล็ก ซึ่งเป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
สายน้ำของลำห้วยมวกเหล็กที่ไหลผ่านในพื้นที่มีระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมี น้ำตกซับเหว และถ้ำดาวเขาแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ
ให้ได้แวะเที่ยวกันอีก
เปิดให้เข้าชมทุกตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ +66 3634 4416
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
(อ.ส.ค.) ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 34
บนเนื้อที่ 2,600 ไร่ เมื่อปีพ.ศ.2503
พระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลยาเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถได้เสด็จประพาสประเทศเดนมาร์กทรงให้ความสนพระทัยเกี่ยวกับกิจการเลี้ยงโคนมของชาวเดนมาร์กเป็นอย่างมาก
ต่อมารัฐบาลเดนมาร์กและสมาคมเกษตรกรโคนมเดนมาร์กได้ร่วมใจกันน้อมเกล้าถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม
โดยร่วมมือกับรัฐบาลไทยจัดตั้งฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์กขึ้นที่อำเภอมวกเหล็ก
จังหวัดสระบุรี พระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลยาเดช และ พระเจ้าเฟรด
เดอริก พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๙ ของประเทศเดนมาร์กได้เสด็จเปิดฟาร์มโคนม
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505
ต่อมาได้โอนกิจการทั้งหมดให้รัฐบาลไทยและให้จัดเป็น
“องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” (อ.ส.ค.)
มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมและรับซื้อนมดิบจากเกษตรกรมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นม
มีรถรางชมกิจกรรมต่างๆ ตามสถานี เช่น สถานี 1 ป้อนอาหารสัตว์
อูฐและนกกระจอกเทศ สถานี 2 ชมสไลด์ประวัติองค์การ การรีดนมและการให้นม
สถานี 3 การจับโคด้วยเชือก ราคา 120 บาท ตั้งแต่เวลา 09.30-15.30 น.
รถรางออกทุก 1 ชั่วโมง)
เปิดทุกวัน 08.30-17.00 น. สอบถามข้อมูลได้ที่ 0
3634 4926, 08 1918 5655,08 9901 8035
ที่อยู่ : มวกเหล็ก, สระบุรี
เครดิต : https://zhort.link/gNG
สวนพฤกษศาสตร์ภาคกลาง (พุแค)
จากสวนสวรรค์ของคนสระบุรีที่งดงามไปด้วยดอกไม้ป่าสะพรั่งบานส่งกลิ่นหอมอบอวล
แต่ด้วยสภาพพื้นที่เดิมเป็นป่าดิบแล้ง เต็มไปด้วยหนาม เถาวัลย์
ทางกรมป่าไม้จึงเข้ามาพัฒนาให้เป็น "สวนพฤกษศาสตร์ภาคกลาง (พุแค)"
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย
สำหรับปลูกรวบรวมพรรณไม้นานาชนิด
ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศและต่างประเทศอย่างเป็นหมวดหมู่
เป็นที่ศึกษาวิจัยพันธุ์พืช และให้บริการความรู้ด้านต่าง
ๆ เกี่ยวกับพืช
ทั้งยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ครอบคลุมสองฟากฝั่งถนน
หากมาจากสระบุรี ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของอาคารสำนักงานและห้องสมุดพรรณไม้
ทางขวามีพื้นที่กว้างขวางในบรรยากาศร่มรื่น มีลำธารไหลผ่าน จัดเป็นสวนหย่อม
ส่วนมากเป็นไม้พื้นบ้าน ประกอบด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ 35 วงศ์ พรรณไม้ในวรรณคดี
และพรรณไม้สมุนไพร
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ยังเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรมพืชของประเทศ
โดยเฉพาะไม้มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์
เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติแก่ผู้สนใจ
เพื่อให้เกิดจิตสำนึกหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า
สำหรับแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่น่าสนในสวนแห่งนี้ เช่น
แปลงปลูกพรรณไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด แปลงพรรณไม้หอม
แปลงพรรณไม้มงคลที่ปลูกตามทิศ แปลงพืชให้สี แปลงไม้เกียรติประวัติไทย
ยังมีทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1,500 เมตร และทางศึกษาพรรณไม้อีกประมาณ
4,000 ชนิด ใครชอบเที่ยวสวน ดูต้นไม้ ชื่นชมพรรณไม้หายาก
รับรองว่ามาที่นี่แล้วไม่ผิดหวัง
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 3634 7457
แสดงความคิดเห็น