โบราณสถานค่ายเนินวง
ค่ายเนินวง เป็นค่ายเก่าแก่สร้างในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 ที่โปรดเกล้าฯ
ให้เจ้าพระยาพระคลังสร้างขึ้น เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2377
โดยรื้อศิลาแลงและอิฐของกำแพงจากเมืองจันทบุรีไปสร้าง
เพื่อป้องกันการรุกรานของชาวญวน
บนกำแพงค่ายวางปืนใหญ่เรียงรายอยู่โดยรอบหลายสิบกระบอก
ภายในค่ายเป็นที่ตั้งของสำนักงานโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร
และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี พื้นที่ภายในกำแพงเมืองมีขนาด 270
ไร่เศษ สร้างเป็นกำแพงสูงประมาณ 6 เมตร มีป้อม คู และประตูสี่ทิศ
รวมทั้งมีปืนใหญ่แบบโบราณตั้งเรียงรายตามช่องใบเสมา แต่เดิมมีหญ้าขึ้นรกทึบ
บางส่วนพังทลายลง ปัจจุบันแนวกำแพงและตัวป้อมได้บูรณะขึ้นใหม่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายเนินวง
เป็นสถานที่เก็บรวบรวมและรักษาโบราณวัตถุที่นำขึ้นมาจากเรือสำเภาโบราณที่จมอยู่ใต้ทะเลอ่าวไทย
โบราณวัตถุเหล่านี้ประกอบด้วยเครื่องปั้นดินเผาประเภทถ้วย โถ ไห กระปุก
ตุ๊กตารูปคนและรูปสัตว์ ซึ่งเป็นเครื่องสังคโลกไทยจากแหล่งเตาศรีสัชนาลัย
และเตาแม่น้ำน้อย จังหวัดสิงห์บุรี
ปัจจุบันกรมศิลปากรกำลังดำเนินการปรับปรุงสถานที่แห่งนี้เพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
จันทบุรี เพื่อเป็นสถานที่สำหรับศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาด้านสังคม
เศรษฐกิจ ธรรมชาติวิทยา รวมทั้งวิถีชีวิต
และศิลปวัฒนธรรมของจันทบุรีรวมทั้งจัดแสดง หลักฐาน
ความเป็นมาเกี่ยวกับการพาณิชย์นาวีของไทยไว้ด้วย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พาณิชย์นาวี ค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000 โทร.
039-391-431 โทรสาร 039-391-432 วันและเวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์
วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ วัดโยธานิมิต
(วัดโบสถ์)อยู่ในกำแพงเมืองจันทบุรีที่ค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง ฯ
สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจ้าพระยาพระคลัง (ดิส บุนนาค) สร้างขึ้นในคราวเดียวกันกับค่ายเนินวง
เพื่อให้เป็นวัดประจำเมือง กำแพงวัดก่อด้วยศิลาแลง
ภายในกำแพงวัดมีโบสถ์หลังหนึ่ง หลังโบสถ์ออกไปมีเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา
สูงประมาณ 20 เมตร มีศาลาการเปรียญพร้อมกุฏิสงฆ์ ภายในโบสถ์มีพระประธาน
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นชื่อ หลวงพ่อใหญ่
ที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือมาสักการบูชากัน สวนสละเนินวง
มีรากเหง้ามาจากกอสละที่ปลูกในที่ดินของผู้ใหญ่อุทัย ธัญญชาติ
แห่งบ้านเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง
เมื่อค่ายเนินวงขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและมีการเวนคืนที่ดิน
ผู้ใหญ่อุทัยจึงย้ายมาปลูกลงในดินใกล้กัน และบอกขายต้นพันธุ์ด้วยการผ่าตา
แยกออกมาเป็นต้นพันธุ์ใหม่ ปรากฏว่ามีคนมาขอซื้อกันจนไม่พอขาย ช่วงปี พ.ศ.
2525-2530 กอต้นสละมีผู้ซื้อกันโดยให้ราคาสูงถึง 7,000 บาท
ปัจจุบันยังสามารถหาซื้อหน่อต้นพันธุ์และต้นสละเนินวงได้ที่นี่
ที่อยู่ : เมืองจันทบุรี, จันทบุรี
คุกขี้ไก่
โบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในช่วงที่มีกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
และกองทหารฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่ขึ้นเพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านมหาอำนาจ
โดยสร้างขึ้นเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 4.40 เมตร สูง 7
เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว
หลังคาโปร่ง
ทั้งนี้เล่าลือกันมาว่าคุกขี้ไก่เป็นที่คุมขังที่เต็มไปด้วยความทรมาน
เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ซึ่งจะ
ถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่อยู่ภายในนั้นตลอดเวลา ทางเข้าเป็นประตูเตี้ย ๆ
ระดับเอว ต้องคลานเข้าไป คุกขี้ไก่ ตั้งอยู่ใกล้ตึกแดง
ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี
ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง
แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน
อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์จากคุกขี้ไก่ประมาณ 3 กิโลเมตร มีตึกแดง
ตั้งอยู่บริเวณชายหาดแหลมสิงห์ ใกล้ปากแม่น้ำจันทบุรี
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นอาคารฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2436 โดยทำลายป้อมพิฆาตข้าศึกลงและก่อสร้างตึกแดงทับไว้
เพื่อใช้เป็นกองรักษาการณ์
และเป็นที่พักนายทหารที่รักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์
ตึกแดงเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร
โครงหลังคาเป็นเหล็กรางรถไฟ หลังคากระเบื้องดินเผาสีแดง ประตูเปิดถึงกันหมด
ปัจจุบันประกาศเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2528
ที่อยู่ : หมู่ 1 ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3149 แหลมสิงห์, จันทบุรี
เครดิต : https://1th.me/v18zm
ตึกแดง
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี
30 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่
ลักษณะเป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง
7 เมตร ยาว 32 เมตร เดิมทาสีแดง จึงเรียกว่า "ตึกแดง" ภายในแบ่งออกเป็น 5
ห้องมีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงทั้งสองข้างตามแนวยาว
ตึกแดงเป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 หรือ ร.ศ. 112
ในบริเวณป้อมพิฆาตข้าศึก โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง
เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พักของทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์
ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้แผ่อิทธิพลครอบครองญวนและเขมร
และหาเหตุรุกรานไทยโดยอ้างว่า ดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงคือ
อาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งแคว้นสิบสองจุไท
เคยเป็นของญวนและเขมรมาก่อน จึงถือโอกาสเข้ายึดครองทำสงครามสู้รบกับไทย
ครั้งนั้นไทยต้องจ่ายค่าเสียหาย 4 ล้านบาท
ก่อนจ่ายค่าเสียหายฝรั่งเศสจึงยึดจันทบุรีไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2436 ถึง พ.ศ.
2446
จากวิกฤตการณ์ครั้งนั้นทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด
รวมทั้งสิบสองจุไทด้วย รัชกาลที่ 5
ทรงดำเนินการคานอำนาจเช่นทรงแสวงหามิตรประเทศที่เป็นมหาอำนาจการยุโรป เช่น
รัสเซีย เยอรมนี เพื่อคานอำนาจกับฝรั่งเศส
รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระองค์
ได้สร้างความประทับใจแก่ฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2527
ตึกแดงได้รับการบูรณะเพื่อใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอแหลมสิงห์
และเลิกใช้ไป
จนกระทั่งในปัจจุบันตึกแดงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
ที่อยู่ : แหลมสิงห์, จันทบุรี
เครดิต : https://1th.me/wQ2kQ
จุดชมวิวเนินนางพญา ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
โครงการถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก
หรือถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ที่เชื่อมโยงจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด
ซึ่งมีระยะทางรวมกว่า 118 กิโลเมตร มีจุดชมวิวขึ้นชื่อ
สำหรับใครที่ชอบการถ่ายรูปกับวิวทะเลที่ขนาบข้างด้วยทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียว
กับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม นั่นคือจุดชมวิวเนินนางพญา
ที่ตั้งอยู่บนถนนเฉลิมบูรพา-ชลทิตถนนเลียบชายทะเลที่ยาวที่สุดในเมืองไทย
ที่สามารถขับรถชมวิวทะเล หรือปั่นจักรยานทางไกลมาเรื่อยๆ จากปากน้ำกระแส
จังหวัดระยอง มาจรดเนินนางพญา จุดชมวิวเนินนางพญา
ตั้งอยู่บนเนินริมทะเลใกล้หาดคุ้งวิมานและปากอ่าวคุ้งกระเบน
สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม
รวมทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
ความสวยงามของจุดชมวิวและถนนเส้นนี้
จึงกลายเป็นจุดหมายสำคัญของนักเที่ยวทั้งหลายรวมทั้งนักปั่นที่พร้อมจะพาจักรยานคู่ใจลุยไปจนสุดทาง
เกร็ดความรู้ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต เชื่อมโยงจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี
และตราด ระยะทางรวมกว่า 118 กม.
ที่อยู่ : นายายอาม, จันทบุรี
เครดิต : https://1th.me/3mUAz
วังสวนบ้านแก้ว
วังสวนบ้านแก้ว
และพิพิธภัณฑ์วังสวนบ้านแก้ว
ในอดีตที่นีคือที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ซึ่งประกอบด้วยพระตำหนักและอาคารหลายหลัง
ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี
วังสวนบ้านแก้วแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ
ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจากประเทศอังกฤษกลับสู่ประเทศไทย
จากนั้นทรงมีพระราชประสงค์ที่จะมีสถานที่ประทับพักผ่อนอิริยาบถ
จึงได้ทรงสร้างวังแห่งนี้ขึ้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยทรงกู้เงินจากธนาคาร
เพื่อซื้อที่ดินสองฝั่งคลองบ้านแก้ว รวมที่ดินทั้งหมด 687 ไร่
และพระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ตามชื่อคลองว่า สวนบ้านแก้ว
ในระยะแรกสวนบ้านแก้วยังมีสภาพเป็นป่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทำการปรับที่ดิน
พร้อมกับสร้างที่ประทับชั่วคราวทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงจาก
และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับแรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.
2493 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ภายหลังได้โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเรือนไม้หลังเล็ก 2 หลัง คือ เรือนเทา อันเป็นที่ประทับของพระองค์
เรือนแดง ใช้สำหรับเป็นที่พักของข้าหลวงผู้ติดตาม
และมีเรือนอีกหลังหนึ่งสร้างแบบบังกะโลเขียว เป็นที่พักของราชเลขานุการ
ซึ่งเรือนทั้งสามหลังนี้เป็นอาคารถาวรชุดแรกของสวนบ้านต่อมาในปี พ.ศ. 2515
เมื่อทรงมีพระชนมายุสูงขึ้นและพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก
รัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชทานที่ดินสวนบ้านแก้ว
เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยครูจันทบุรี
พระองค์จึงทรงพระราชทานสวนบ้านแก้วแก่กระทรวงศึกษาธิการ และได้ย้ายไปประทับ
ณ วังศุโขทัยจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-วันศุกร์
เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชม สอบถามข้อมูล โทรศัพท์
0 3947 1064, 0 3931 9111 ต่อ 7000-1
ที่อยู่ : 41 หมู่ 5 เมืองจันทบุรี, จันทบุรี
แสดงความคิดเห็น