7/10/64

5สถานที่น่าเที่ยวชมของสิงห์บุรี

วัดกุฎีทอง


นอกเหนือจากการเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องพักแยกชายหญิง ห้องน้ำสะอาด ศาลาปฏิบัติธรรมสองหลัง พร้อม ๆ กับความเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม ได้แก่ มณฑปลักษณะเหมือนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2443 โดยหลวงพ่อปัญญา อุตมะพิชัย เจ้าอาวาสวัดนี้นั่นเอง ท่านได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเพื่อให้ประชาชนสักการะและภายในมณฑปหลังนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทโลหะจำลอง ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยพวน แหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตชาวบ้านสมัยก่อนผ่านโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น เครื่องมือประกอบอาชีพ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมทั้งยานพาหนะต่าง ๆ ที่เป็นของเก่าแก่ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-19.00 น. 

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3651 2230 ในวันเสาร์-อาทิตย์ โทร. 0 3651 1902

 

ที่อยู่ : หมู่ 3 ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 กิโลเมตรที่ 125-126 พรหมบุรี, สิงห์บุรี

เครดิต : https://zhort.link/iGj

 

วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร

พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเมื่อคำนวนทางปริมาตรซึ่งองค์พระนั้นมีความยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร และมีพุทธลักษณะตามแบบศิลปะสุโขทัยที่งดงาม โดยพระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ซึ่งสันนิษฐานว่าท้าวอู่ทองเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ยังเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสิงห์บุรี ที่ผู้มาเยือนทุกคนต้องแวะ ไปกราบสักการะทุกคราวที่เดินทางมาจังหวัดสิงห์บุรี โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ยังความปลาบปลื้มให้แก่ชาวเมืองสิงห์บุรียิ่งนักและทำให้วัดพระนอนจักรสีห์กลายเป็นปูชนียสถานอันล้ำค่าทางพุทธศาสนาที่ควรได้รับการอนุรักษ์ นอกจากจะได้ชมพระพุทธไสยาสน์ อันตระการตาแล้ว ยังมีพระกาฬ พระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทองและพระแก้วอันเป็นพระหล่อนั่งขัดสมาธิเพชร ที่มีพุทธศิลป์งดงาม โดยทั้งพระกาฬและพระแก้วนั้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงใช้เป็นพระประธานใน การถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการครั้นออกมาด้านหน้าวิหารยังจะพบต้นสาละสุดอลังการที่แตกช่อดอกสวยงามเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 06.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3652 0251, 0 3654 3415
 
 
ที่อยู่ : ถนนสุพรรณบุรี-สิงห์บุรี เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี
เครดิต : https://zhort.link/iGm

 

 

 

วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร)

ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด วัดเก่าแก่ที่งามสง่าด้วยพระปรางค์ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยองค์ปรางค์นั้นสูง 15 เมตร ก่อด้วยอิฐแบบปรางค์ไทย มีรูปลักษณะคล้ายฝักข้าวโพด ส่วนฐานเตี้ยภายในกลวง มีคูหาสี่เหลี่ยมจตุรัสบนผนังคูหาและมีร่องรอยของจิตรกรรมฝาผนังที่ปัจจุบันลบเลือนไปมากแล้ว เมื่อเดินไปทางด้านหลังปรางค์องค์นี้จะพบวิหารเก่าแก่ที่มีหน้าบันแกะสลักไม้สวยงาม นอกจากนี้วัดพระปรางค์ยังเป็นสถานที่ที่มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณจำนวนมาก เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับเตาเผาแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทางกรมศิลปากร จึงได้ทำการขึ้นทะเบียนวัดพระปรางค์เป็นโบราณสถานของชาติมาตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และปัจจุบันวัตถุโบราณเหล่านี้ได้เก็บรักษาไว้ที่กุฏิของเจ้าอาวาส เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี โทร. 0 3650 7135
 
 
ที่อยู่ : หมู่ 7 บางระจัน, สิงห์บุรี
เครดิต : https://zhort.link/iGn
 


วัดกระดังงาบุปผาราม

วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าผู้สร้างน่าจะเป็นนายทหารเอกของพระมหาธรรมราชาธิราช พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหราช ซึ่งสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของการไถ่บาปจากการสู้รบและเป็นที่รวมอัฐิของบรรพบุรุษ พร้อมกันนั้นท่านได้ลาบวชเป็นภิกษุสงฆ์ที่วัดนี้และเป็นที่รู้จักกันดีว่า "หลวงพ่ออึ่ง" ปัจจุบันยังมีรูปปั้นของหลวงพ่ออึ่งประดิษฐานภายในวิหาร ให้ชาวบ้านที่เลื่อมใสมากราบสักการะ นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายจุดด้วยกัน ได้แก่ ชมโบสถ์ทรงสมัยใหม่ที่งดงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร สร้างอยู่บนฐานศาลาการเปรียญหลังเก่า ตื่นตากับเจดีย์โบราณทรงระฆังคว่ำ คล้ายเจดีย์สมัยอยุธยาตอนต้น มีซุ้มทรงระฆังตั้งแต่ ปล้องไฉนขึ้นไป นับว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเจดีย์ที่สร้างขึ้นสมัยเดียวกันและกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเป็นที่เรียบร้อย ชมโบสถ์เก่าแก่ที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องดิน น่าสนใจตรงที่บานประตูโบสถ์หลังนี้เป็นไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม สักการะหลวงปู่จีน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3652 2798, 08 1778 1117
 
 
ที่อยู่ : 8 หมู่ 6 ถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี
เครดิต :  https://zhort.link/iGp
 
 
 
 

วัดม่วง

สันนิษฐานว่าวัดเก่าแก่แห่งนี้น่าจะสร้างเป็นวัดแรกของอำเภออินทร์บุรีและตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในอดีต มีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเยือนวัดม่วงอยู่เสมอ นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชผู้นำประเทศ ผู้นำเหล่าทัพฯ ฯลฯ ซึ่งส่งให้วัดม่วงนั้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภออินทร์บุรี ขณะเดียวกันภายในวัดก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่เจดีย์ อุโบสถ หอสวดมนต์ โดยเฉพาะวิหารเก่าแก่ซึ่งเป็นอาคารปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าบันประดับด้วยภาชนะเครื่องถ้วยต่าง ๆ วิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงามทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่น ฝีมือช่างพื้นบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เล่าเรื่องราวพุทธประวัติตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมโบราณ ส่วนเจดีย์นั้นเป็นแบบสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองที่มีเล่าลือกันว่าเป็นที่บรรจุอาวุธ วัตถุมงคล ของมีค่า ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อล้างบาป นอกจากนี้วัดม่วงยังมีชื่อเสียงในเรื่อง การปลุกเสกวัตถุมงคล โดยหลวงพ่อเอ๊าะ พระครูอินทวุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรและเชี่ยวชาญด้านไสยเวททุกแขนง เปิดให้เข้าชม ทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3658 1662
 
 
ที่อยู่  : อินทร์บุรี, สิงห์บุรี
เครดิต :  https://zhort.link/iGq

 

 

 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only