วัดกุฎีทอง
นอกเหนือจากการเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ เช่น ห้องพักแยกชายหญิง ห้องน้ำสะอาด ศาลาปฏิบัติธรรมสองหลัง พร้อม ๆ
กับความเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัดสิงห์บุรีแล้ว
ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม ได้แก่
มณฑปลักษณะเหมือนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2443
โดยหลวงพ่อปัญญา อุตมะพิชัย เจ้าอาวาสวัดนี้นั่นเอง
ท่านได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเพื่อให้ประชาชนสักการะและภายในมณฑปหลังนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทโลหะจำลอง
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยพวน
แหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตชาวบ้านสมัยก่อนผ่านโบราณวัตถุต่าง
ๆ เช่น เครื่องมือประกอบอาชีพ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมทั้งยานพาหนะต่าง
ๆ
ที่เป็นของเก่าแก่ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด
ๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-19.00 น.
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3651
2230 ในวันเสาร์-อาทิตย์ โทร. 0 3651 1902
ที่อยู่ : หมู่ 3 ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 กิโลเมตรที่ 125-126 พรหมบุรี, สิงห์บุรี
เครดิต : https://zhort.link/iGj
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเมื่อคำนวนทางปริมาตรซึ่งองค์พระนั้นมีความยาว
47 เมตร 42 เซนติเมตร และมีพุทธลักษณะตามแบบศิลปะสุโขทัยที่งดงาม
โดยพระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ
ซึ่งสันนิษฐานว่าท้าวอู่ทองเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น
ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ยังเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสิงห์บุรี
ที่ผู้มาเยือนทุกคนต้องแวะ
ไปกราบสักการะทุกคราวที่เดินทางมาจังหวัดสิงห์บุรี โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 9
ตุลาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
รัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ
พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ยังความปลาบปลื้มให้แก่ชาวเมืองสิงห์บุรียิ่งนักและทำให้วัดพระนอนจักรสีห์กลายเป็นปูชนียสถานอันล้ำค่าทางพุทธศาสนาที่ควรได้รับการอนุรักษ์
นอกจากจะได้ชมพระพุทธไสยาสน์ อันตระการตาแล้ว ยังมีพระกาฬ
พระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทองและพระแก้วอันเป็นพระหล่อนั่งขัดสมาธิเพชร
ที่มีพุทธศิลป์งดงาม โดยทั้งพระกาฬและพระแก้วนั้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
ที่ทรงใช้เป็นพระประธานใน
การถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการครั้นออกมาด้านหน้าวิหารยังจะพบต้นสาละสุดอลังการที่แตกช่อดอกสวยงามเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 06.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3652
0251, 0 3654 3415
ที่อยู่ : ถนนสุพรรณบุรี-สิงห์บุรี เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี
วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร)
ตั้งอยู่หมู่ที่
7 บ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด
วัดเก่าแก่ที่งามสง่าด้วยพระปรางค์ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
โดยองค์ปรางค์นั้นสูง 15 เมตร ก่อด้วยอิฐแบบปรางค์ไทย
มีรูปลักษณะคล้ายฝักข้าวโพด ส่วนฐานเตี้ยภายในกลวง
มีคูหาสี่เหลี่ยมจตุรัสบนผนังคูหาและมีร่องรอยของจิตรกรรมฝาผนังที่ปัจจุบันลบเลือนไปมากแล้ว
เมื่อเดินไปทางด้านหลังปรางค์องค์นี้จะพบวิหารเก่าแก่ที่มีหน้าบันแกะสลักไม้สวยงาม
นอกจากนี้วัดพระปรางค์ยังเป็นสถานที่ที่มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณจำนวนมาก
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับเตาเผาแม่น้ำน้อย
ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ทางกรมศิลปากร
จึงได้ทำการขึ้นทะเบียนวัดพระปรางค์เป็นโบราณสถานของชาติมาตั้งแต่วันที่ 8
มีนาคม พ.ศ. 2478
และปัจจุบันวัตถุโบราณเหล่านี้ได้เก็บรักษาไว้ที่กุฏิของเจ้าอาวาส
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี โทร. 0 3650 7135
ที่อยู่ : หมู่ 7 บางระจัน, สิงห์บุรี
วัดกระดังงาบุปผาราม
วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา
สันนิษฐานว่าผู้สร้างน่าจะเป็นนายทหารเอกของพระมหาธรรมราชาธิราช
พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหราช
ซึ่งสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของการไถ่บาปจากการสู้รบและเป็นที่รวมอัฐิของบรรพบุรุษ
พร้อมกันนั้นท่านได้ลาบวชเป็นภิกษุสงฆ์ที่วัดนี้และเป็นที่รู้จักกันดีว่า
"หลวงพ่ออึ่ง" ปัจจุบันยังมีรูปปั้นของหลวงพ่ออึ่งประดิษฐานภายในวิหาร
ให้ชาวบ้านที่เลื่อมใสมากราบสักการะ นอกจากนี้
ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายจุดด้วยกัน ได้แก่
ชมโบสถ์ทรงสมัยใหม่ที่งดงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร
สร้างอยู่บนฐานศาลาการเปรียญหลังเก่า ตื่นตากับเจดีย์โบราณทรงระฆังคว่ำ
คล้ายเจดีย์สมัยอยุธยาตอนต้น มีซุ้มทรงระฆังตั้งแต่ ปล้องไฉนขึ้นไป
นับว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเจดีย์ที่สร้างขึ้นสมัยเดียวกันและกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเป็นที่เรียบร้อย
ชมโบสถ์เก่าแก่ที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องดิน
น่าสนใจตรงที่บานประตูโบสถ์หลังนี้เป็นไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม
สักการะหลวงปู่จีน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3652 2798,
08 1778 1117
ที่อยู่ : 8 หมู่ 6 ถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี
วัดม่วง
สันนิษฐานว่าวัดเก่าแก่แห่งนี้น่าจะสร้างเป็นวัดแรกของอำเภออินทร์บุรีและตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในอดีต
มีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเยือนวัดม่วงอยู่เสมอ
นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชผู้นำประเทศ
ผู้นำเหล่าทัพฯ ฯลฯ
ซึ่งส่งให้วัดม่วงนั้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภออินทร์บุรี
ขณะเดียวกันภายในวัดก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่เจดีย์ อุโบสถ
หอสวดมนต์ โดยเฉพาะวิหารเก่าแก่ซึ่งเป็นอาคารปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หน้าบันประดับด้วยภาชนะเครื่องถ้วยต่าง ๆ
วิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงามทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่น
ฝีมือช่างพื้นบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
เล่าเรื่องราวพุทธประวัติตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมโบราณ
ส่วนเจดีย์นั้นเป็นแบบสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองที่มีเล่าลือกันว่าเป็นที่บรรจุอาวุธ
วัตถุมงคล ของมีค่า ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อล้างบาป
นอกจากนี้วัดม่วงยังมีชื่อเสียงในเรื่อง การปลุกเสกวัตถุมงคล
โดยหลวงพ่อเอ๊าะ พระครูอินทวุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส
ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรและเชี่ยวชาญด้านไสยเวททุกแขนง เปิดให้เข้าชม
ทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3658 1662
ที่อยู่ : อินทร์บุรี, สิงห์บุรี
แสดงความคิดเห็น