ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี
หรือเดิมเรียกว่า ศาลเทพารักษ์หลักเมือง
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีและประชาชนทั่วไปมาตั้งแต่โบราณกาล
เดิมเป็นศาลไม้ทรงไทยมีเทวรูปพระอิศวรและพระนารายณ์สวมหมวกเติ๊ก
(หมวกทรงกระบอก) สลักด้วยหินสีเขียว
ปัจจุบันได้สร้างศาลเป็นรูปวิหารและเก๋งจีน เจ้าพ่อหลักเมืองนี้เป็นพุทธประติมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
แบบศิลปะเขมร มีพระนามว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือที่เรียกกันว่า
พระนารายณ์สี่กร เป็นที่สักการบูชาทั้งชาวไทยและชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน
ตามประวัติกล่าวว่าประมาณ 150 ปีมาแล้ว
มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจมดินจมโคลนอยู่ริมคลองศาลเจ้าพ่อ
จึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบนพร้อมสร้างศาลเป็นที่ประทับในคราวเสด็จประพาสต้น
เมื่อปี พ.ศ. 2447
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมืองและพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อเขื่อนรอบเนินศาล
ทำชานสำหรับคนบูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลออกมาเป็นเก๋งแบบจีน
ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ของจีน จะมีประเพณี "ทิ้งกระจาด" (หรือ
พิธีทิ้งทาน) จัดที่สมาคมจีน ซึ่งเป็นพิธีกรรมของพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
ถือเป็นการจำเริญเมตตาแก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับ โดยนำสิ่งของต่าง ๆ
ที่ผู้ตายใช้สอยและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ มาแจกจ่ายแก่ผู้ยากจน
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552
1690
หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
หากมาสุพรรณบุรี แต่มาไม่ถึง หอคอยบรรหาร-แจ่มชัด
จะเรียกว่ามาไม่ถึงสุพรรณบุรี
เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวแห่งแรกและสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูงถึง
123.25 เมตร ตัวฐานกว้าง 30 เมตร
และสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองได้กว้างไกลแบบพาโนรามาเลยทีเดียว
สำหรับการขึ้นเที่ยวชมหอคอยนั้น จะมีจุดแวะพักชมวิวถึง 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1
เป็นที่จำหน่ายบัตรและของที่ระลึก ส่วนชั้นที่ 2
เป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มอาหารว่างและจุดนั่งชมสวน
ชั้นที่ 3 เป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกและจุดชมตัวเมือง และชั้นที่ 4
อยู่ในระดับสูงสุด 78.75 เมตร เป็นจุดชมทิวทัศน์ของจังหวัดสุพรรณบุรีโดยรอบ
มีกล้องส่องทางไกลบริการ
และผนังห้องแสดงภาพวาดสีน้ำมันเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-ศุกร์ตั้งแต่ 10.00-19.00 น.
(วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา
10.00-20.30น.)อัตราค่าเข้าใช้บริการผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 15 บาท (หลัง 18.00
น. จะมีอัตราค่าใช้บริการดังนี้ผู้ใหญ่ 40 บาทเด็ก 20
บาท)สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66 3552 2721, +66 3552 4060-4
และสำนักงานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี โทร. +66 3551 1987, +66 3551 1021
โทรสาร. +66 3552 2973
ที่อยู่ : เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/Xh6CK
ถ้ำเวฬุวัน
ความลึกลับภายในถ้ำ
เป็นสิ่งน่าค้นหาและสร้างความตื่นเต้นให้แก่นักท่องเที่ยวได้เสมอ
เฉกเช่นเดียวกับถ้ำเวฬุวันแห่งนี้
ซึ่งเป็นถ้ำขนาดกลางที่อยู่ในบริเวณเดียวกับวัดวังคัน
ทางเข้าถ้ำมีบันไดคอนกรีตจำนวน 61 ขั้น ทอดยาวเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร
ขึ้นไปถึงบริเวณปากถ้ำ สำหรับสภาพภายในถ้ำมีหินงอกและหินย้อยสวยงาม
มีไฟฟ้าสว่างเพียงพอให้ผู้มาเยือนมองเห็น
มีพระพุทธรูปจำลองปางป่าเลไลยก์ให้นักท่องเที่ยวได้สักการบูชา
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไหว้พระทำบุญและชมความงามของธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอีกด้วย
ส่วนบริเวณวัดวังคัน ทางอำเภอได้จัดทำเป็นสวนไผ่เทิดพระเกียรติ
มีพันธุ์ไผ่ต่าง ๆ ปลูกไว้ประมาณ 10 กว่าชนิด
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่
06.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 5867, +66 3552 5880
ที่อยู่ : ด่านช้าง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/by94r
น้ำตกตะเพินคี่
เป็นน้ำตก
2 ชั้น มีน้ำตลอดปี
เป็นป่าและต้นน้ำตะเพินคี่ที่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติ อย่างสมบูรณ์สวยงาม
มีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่มากว่า 200 ปี ผืนป่าและต้นน้ำ
ตะเพิงคี่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และผจญภัย
ที่อยู่ : หมู่ที่ 5 ด่านช้าง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/jIRzi
วนอุทยานพุม่วง
ความเงียบสงบและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่ายังคงเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ให้กับอุทยานพุม่วงแห่งนี้
ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ราว 1,725 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหลายลูกติดต่อกัน
สภาพพื้นที่เป็นป่าเบญจพรรณสลับกับป่าไผ่รวก
และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด เช่น ไก่ป่า กระรอก กระแต
กระต่ายป่า หมาป่า อีเห็น และนกชนิดต่าง ๆ
ส่วนบริเวณเชิงเขามีสถานที่ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวรรณคดีให้เยี่ยมชมอยู่ด้วยภายในวนอุทยานมีกิจกรรมทางธรรมชาติให้ผู้มาเยือนได้สัมผัส
เช่น เดินชมป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างทางเดินจะเห็นไม้เบญจพรรณจำพวกไม้มะค่า ไผ่ จันทน์กะพ้อ จันทน์ผา,
เยี่ยมชมคอกช้างดินสมัยทวารวดีจำนวน 3 คอก ซึ่งมีอายุประมาณ 1,500 ปี
และอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการ, ฐานวิหารศิลาแลงสมัยทวารวดี
สันนิษฐานว่าใช้เป็นที่สำหรับกษัตริย์ทำพิธีบวงสรวงสังเวยเพื่อคล้องช้างป่า
และน้ำตกพุม่วง ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน
น้ำตกแห่งนี้จะมีทั้งหมด 5 ชั้น ตลอดเส้นทางที่น้ำตกไหลผ่าน
จะผ่านจุดที่น่าสนใจ คือ คอกช้างดินและฐานศิลาแลง
หากขึ้นไปบนเทือกเขาพระจะเห็นพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น จันทน์กะพ้อ
และปรงเผือก ลานหินที่มีก้อนหินน้อยใหญ่วางสลับกัน
บางแห่งก็รวมกันเป็นเชิงชั้น มีต้นปรงขึ้นสลับ
เป็นป่าใกล้เมืองที่หาได้ยากแห่งหนึ่ง
หากต้องการพักค้างแรมควรติดต่อขออนุญาตล่วงหน้าและเตรียมอาหารไปเอง
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. +668
1943 5188
ที่อยู่ : หมู่ที่ 5 อู่ทอง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/opBfN
แสดงความคิดเห็น