7/10/64

ไปเที่ยวสิงห์บุรี

วัดโพธิ์เก้าต้น (วัดไม้แดง)

นอกจากคูค่ายพม่าแล้ว ในจังหวัดสิงห์บุรี ยังมีวัดโพธิ์เก้าต้น หรือ วัดไม้แดง ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในอดีตเมื่อครั้งชาวบ้านบางระจันเสียสละเลือดเนื้อปกป้องเมืองไทย ดังนั้นวัดนี้จึงมีความเก่าแก่ ศักดิสิทธิ์ และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ กรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ในสมัยก่อนชาวบ้านพากันเรียกวัดนี้ว่าวัดไม้แดง เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีต้นไม้แดงขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีความเชื่อกันว่าไม้แดงเหล่านี้เป็น ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดกล้าตัดทำลาย ซึ่งเคยมีต้นไม้แดงที่อายุกว่า 200 ปียืนต้นตายภายในวัดเลยทีเดียว ทว่าความสำคัญของวัดโพธิ์เก้าต้นในอดีตแท้จริงแล้วคือการเป็น สถานที่ที่ชาวบ้านบางระจันเคยใช้เป็นที่มั่นในการสู้รบกับกองทัพพม่าเมื่อคราวยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2308 โดยปัจจุบันมีการสร้างค่ายจำลองไว้บริเวณหน้าวัด นอกจากนี้ภายในยังมีวิหาร พระอาจารย์ธรรมโชติ หรือหลวงพ่อยิ้ม พระผู้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านยามศึกสงคราม แม้กระทั่งปัจจุบัน พระอาจารย์ธรรมชาติก็ยังเป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีความเชื่อว่าหากมาบนบานกับรูปประติมากรรมพระอาจารย์ธรรมโชติแล้ว เมื่อสมใจปรารถนาต้องมาแก้บนด้วยการหาบน้ำมาเติมลงใน สระน้ำพระธรรมโชติซึ่งจะเป็นจำนวนกี่หาบนั้นขึ้นกับผู้ขอพร เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอค่ายบางระจัน โทร. 0 3659 7251
 
 
ที่อยู่ : หมู่ 8 ค่ายบางระจัน, สิงห์บุรี
เครดิต :  https://zhort.link/iGb
 
 
 

วัดหน้าพระธาตุ

เดิมชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่า วัดหัวเมือง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดหน้าพระธาตุ สันนิษฐานว่าสถานที่บริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของเมืองสิงห์บุรีเก่า สิ่งที่สำคัญของวัดนี้คือองค์พระปรางค์สูง 8 วา ทำเป็นรูปครุฑ อสูรถือกระบองประดับอยู่เหนือชั้นเชิงบาตร ภายหลังมีการเสริมแต่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบศิลปะอยุธยาตอนต้น โดยการก่ออิฐเพิ่มเติมเป็นซุ้มจรนัมทั้งสี่ด้าน ตั้งแต่ฐานศิลาแลงขึ้นไปก่อด้วยอิฐย่อมุมทรงปราค์ กลีบขนุนปรางค์ก่อด้วยอิฐ ทิศตะวันออกขององค์ปรางค์มีพระวิหารหลวง ทิศตะวันตกเป็นพระอุโบสถและมีเจดีย์กลมเรียงรายหลายองค์ เป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนปลาย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา โทร. 0 3524 2501
 
ที่อยู่ : ถนนบ้านจักรสีห์-บ้านสาธุ เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี
เครดิต : https://zhort.link/iGc
 
 
 

วัดพิกุลทอง

เหตุที่วัดพิกุลทอง (เดิมชื่อวัดใหม่พิกุลทอง) เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวบ้านตำบลพิกุลทองนั้น น่าจะเป็นเพราะความเสื่อมใสในหลวงพ่อแพ (พระเทพสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี) อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่ทำประโยชน์ต่อพุทธศาสนามากมาย ทั้งยังมีส่วนทำให้วัดพิกุลทองแห่งนี้สวยงามอยู่ตลอดเวลา จนชาวบ้านพากันเรียกวัดนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "วัดหลวงพ่อแพ" และนี่เองคือที่มาของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ ที่ตั้งอยู่ภายในวัดซึ่งจัดแสดงเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อแพและเครื่องอัฐบริขารของท่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ไม่ควรพลาดชมพระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี หรือ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก สูง 21 วา 1 คืบ 3 นิ้ว ภายในเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยโมเสกทองคำธรรมชาติชนิด 24 อีกทั้งรอบพระวิหารใหญ่ยังมีวิหารคตซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันต่าง ๆ และพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่และด้วยบรรยากาศภายในวัดมีความร่มรื่น สะอาดสะอ้าน จึงทำให้มีผู้เดินทางมาชมวัดนี้กันอยู่เสมอโดยเฉพาะ ในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดพิเศษ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3654 0046, 0 3642 2768-9
 
 
ที่อยู่ : 93 หมู่ 3 ท่าช้าง, สิงห์บุรี
เครดิต : https://zhort.link/iGd
 

อนุสาวรีย์วีรชนและอุทยานค่ายบางระจัน


จังหวัดสิงห์บุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย เพราะมีวัดเก่าแก่หลายวัด และเป็นเมืองยุทธศาสตร์ในการทึกศึกสงครามสมัยอยุธยาที่สำคัญด้วย เรื่องราวที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดของท้องถิ่นนี้คือวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าไว้ได้นาน ดังนั้นจึงมีการสร้างอนุสาวรีย์วีรชนขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญนั้น รวมถึงอุทยานค่ายบางระจันด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ปัจจุบันสร้างให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และมีพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมศึกษา ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมือง 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3032 มีพื้นที่ประมาณ 115 ไร่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเปิดอนุสาวรีย์นี้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 เป็นสวนรุกขชาติ บรรยากาศร่มรื่นย์ สวยงาม เมื่อมาถึงจะเห็นอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเป็นรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 คน สร้างโดยกรมศิลปากรปรากฏสวยเด่นเป็นสง่าอยู่ในสวน ค่ายบางระจันมีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ โดยเมื่อเดือน 3 ปีระกา พ.ศ. 2308 ชาวบ้านบางระจันได้รวมพลังกันต่อสู้กับกองทัพพม่าซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาลเป็นต่ออย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นพม่ายังยกทัพเข้าตีหมู่บ้านนี้ถึง 8 ครั้ง ใช้เวลานานถึง 5 เดือน จึงเอาชนะได้เมื่อวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 กล่าวได้ว่าชาวบ้านต้านทานกองทัพได้เป็นเวลานานด้วยกำลังพลเพียงน้อยนิด สำหรับค่ายบางระจันนั้น ในปัจจุบันได้จำลองขึ้นโดยอาศัยรูปแบบค่ายในสมัยโบราณ และภายในบริเวณยังมีอาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน ซึ่งจัดห้องนิทรรศการอยู่ตลอดโดยแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ดังนี้ ห้องแรก แสดงเรื่องค่ายบางระจัน เครื่องใช้โบราณ แหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย หนังใหญ่ ห้องที่สอง จัดแสดงมรดกเมืองสิงห์บุรี ห้องที่สาม แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองสิงห์บุรีและของดีเมืองสิงห์บุรี 

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. 

การเดินทาง: โดยรถประจำทาง สามารถขึ้นรถที่ บขส. ในอำเภอเมืองสิงห์บุรี สายสุพรรณบุรี-สิงห์บุรี มาลงที่อนุสาวรีย์วีรชนฯ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม: โทร. 0 3659 7126

 

 

ที่อยู่ : ค่ายบางระจัน, สิงห์บุรี

เครดิต : https://zhort.link/iGe

 

วัดพระปรางค์มุนี


วัดที่คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายแห่งนี้ และเหตุที่ชื่อวัดพระปรางค์มุนีน่าจะสืบเนื่อง จากพระปรางค์องค์ใหญ่สีทองอร่ามตาที่แลดูโดดเด่นเป็นสง่าเมื่อมองมาแต่ไกล อย่างไรก็ตาม นอกจาก พระปรางค์องค์ใหญ่แล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนน่าแวะไปเยี่ยมเยือนหากมีโอกาส ได้แก่ วิหารหลวงพ่อเย็น พระพุทธรูปปูนปั้นเก่าแก่ หลวงพ่อขาวและหลวงพ่อนาก ซึ่งมีเรื่องเล่ากันมาว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกลดภาวนาอยู่ในวัดและได้อาราธนาขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อเย็นซึ่งขณะนั้นมีแต่เศียร ท่านได้นำน้ำนี้ไปรักษาโรคภัยต่าง ๆ ให้ชาวบ้าน ดังนั้นชาวบ้านที่เลื่อมใสจึงพากันเรียก ติดปากว่าหลวงพ่อเย็น ซึ่งหมายถึงความร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง พระประธานที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถสีทองอร่ามนามว่า พระภูเขาทอง หลวงพ่อใหญ่ชัยมงคล หรือ พระพุทธนิมิตพิชิตมารมหาจักรพรรดิ์ ประดิษฐานบนศาลาการเปรียญ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และต้นนารีผลจำลอง ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง และด้านหลังวิหารยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งบริเวณโคนต้นมีพระผุด ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ที่สวยงามซึ่งเป็นฝีมือของนายเพ็ง คนลาว ที่วาดไว้เมื่อปี พ.ศ. 2462 เล่าเรื่องเกี่ยวกับนรก สวรรค์ พุทธประวัติและพุทธชาดก 

เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3652 0079

 

ที่อยู่ : หมู่ 7 เมืองสิงห์บุรี, สิงห์บุรี

เครดิต : https://zhort.link/iGh

 

 



 

 


 

 

 

 


 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only