พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
ชมความงามอันประณีตของพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2504
เพื่อใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ
จังหวัดเชียงใหม่นี้
รวมทั้งยังใช้รับรองพระราชอาคันตุกะในวโรกาสต่าง ๆ
บรรยากาศโดยรอบพระตำหนักรายล้อมด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม
มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
ส่วนภายในบริเวณประกอบไปด้วยพระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ เป็นอาคาร 2 ชั้น
มีชั้นใต้ดินตั้งอยู่บนเนิน และพระตำหนักยูคาลิปตัส 1
ที่ใช้ไม้ยูคาลิปตัสมาก่อสร้างในรูปแบบ log cabin
และยังมีเรือนรับรองเป็นอาคาร 2 ชั้นแบบไทยประยุกต์
ซึ่งใช้เป็นที่พำนักของพระราชอาคันตุกะ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ตามเสด็จ
นอกจากนี้ในบริเวณพระตำหนักมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีภูมิทัศน์สวยงามสดชื่น
สวนเฟิร์นธรรมชาติ
มีอาคารที่จัดแต่งเป็นสวนดอกไม้ละลานตา
โดยเฉพาะดอกกุหลาบหลากสายพันธุ์ที่พากันอวดช่อดอกดูสดใส ทิปส์ท่องเที่ยว
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
มีกฎระเบียบสำหรับการเข้าชมในเรื่องของการแต่งกาย
และจะงดให้บริการยืมคืนเสื้อผ้านักท่องเที่ยวที่แต่งกายไม่สุภาพ
หรือไม่เรียบร้อย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป
งดให้บริการรถไฟฟ้านำเที่ยวชั่วคราว เนื่องจากอยู่ในระหว่างปรับปรุงระบบ
เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. เวลาจำหน่ายบัตร 08.30-15.30
แต่ทั้งนี้จะงดการเข้าชมพระตำหนักฯ ระหว่างเสด็จแปรพระราชฐาน
(ประมาณเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม) ค่าเข้าชม 20 บาท สำหรับผู้ใหญ่ เด็ก
10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5322 3065 หรือ
www.bhubingpalace.org
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เครดิต : https://1th.me/B6H4z
อีเกิ้ล แทรค ซิปไลน์
โลดโผนโจนทะยานกลางผืนป่าดิบชื้น ที่ผ่านน้ำตกและพื้นที่เพาะปลูกของชาวบ้าน
ไปกับ อีเกิ้ล แทรค ซิปไลน์ (Eagle track zipline)
ที่จัดเตรียมกิจกรรมไว้ให้นักผจญภัยมากมาย อย่างเช่น
กิจกรรมโหนลวดสลิงกลางอากาศ ผ่านทุ่งนาขั้นบันได ป่า และน้ำตก
กิจกรรมโรยตัว ปีนป่ายบันไดม้ง สะพานซิกแซก
ท้าทายความสูงที่ให้ทั้งความสนุก และความหวาดเสียวไปพร้อม ๆ กัน
โดยมีโปรแกรมผจญภัยให้คุณได้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ Gold Package Silver
Package และ Bronze Package ภายใต้การดูแลจากทีมงานที่มีประสบการณ์
และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ที่ได้มาตรฐานสากล
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา
8.00-18.00 น. และมีบริการรถรับ-ส่งจากที่พักในตัวเมือง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 5722 9090 หรือเว็บไซต์
www.eagletrackchiangmai.com
ที่ตั้ง :
ตั้งอยู่บริเวณม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียงประมาณหนึ่งชั่วโมง
เครดิต : https://1th.me/JFZ5T
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี
พ.ศ. 2536 มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ เดิมทีมีชื่อว่า
"สวนพฤกษศาสตร์แม่สา"
ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ประจำภาคเหนือของประเทศไทย
แต่หลังจากนั้นได้โอนย้ายเข้าไป อยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ พร้อมกับวางแผนและพัฒนาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล
แห่งแรกของประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ. 2537
องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต
จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ว่า
"สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"
ที่นี่มีสภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบและที่สูงสลับกันเป็นชั้น ๆ ในระดับ
300-970 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ลักษณะการจัดสวนจะแบ่งพันธุ์ไม้ตามวงศ์และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่
รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้นานาชนิดได้เข้าไป
ศึกษาหาความรู้
สิ่งที่น่าสนใจ
-
ศูนย์สารนิเทศเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพรรณไม้ไทย
โดยเป็นนิทรรศการด้านพฤกษศาสตร์
และมีหนังสือเกี่ยวกับพรรณไม้ที่สวนพฤกษศาสตร์จัดทำขึ้นจำหน่ายอีกด้วย
-
กลุ่มอาคารเรือนกระจก
อาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนลานเนินเขาที่สวยงาม
ภายในอาคารใหญ่รวบรวมพรรณไม้ในเขตป่าดงดิบจากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย
โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ด้วยการฉีดละอองน้ำในเรือนกระจก
รวมทั้งมีน้ำตกจำลองด้วย ซึ่งจัดแต่งสภาพเหมือนกับเข้าไปอยู่ในป่าจริง ๆ
นอกจากนี้อาคารเรือนกระจกอื่น ๆ ก็มีพรรณไม้ที่น่าสนใจ เช่น พืชทะเลทราย
พรรณไม้น้ำ เฟิร์น กล้วยไม้ เป็นต้น
-
เรือนกล้วยไม้ไทยในเรือนนี้ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้กว่า 350 ชนิด
ซึ่งเป็นกล้วยไม้ป่าที่มีสีสันสวยงาม หลายชนิดมีกลิ่นหอม
ส่วนใหญ่ทยอยออกดอกตลอดปี โดยรวบรวมมาจากป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง
ซึ่งบางพันธุ์หาดูได้ยากและบางชนิดใกล้สูญพันธุ์
-
เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จัดไว้ 4 เส้นทาง คือ
เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail)
ระยะทาง 300 เมตร เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) ระยะทาง 600 เมตรo
เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ระยะทาง 2 กิโลเมตร
เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด ระยะทาง 800 เมตร
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-17.00 น. ค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก
20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท มีรถบริการนำชมภายในสวน
ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 5384 1234 โทรสาร 0 5329
8177, 0 5329 9754 อีเมล์ bgo@qsbg.org www.qsbg.org
ที่ตั้ง :
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 สายแม่ริม-สะเมิง
เครดิต : https://1th.me/rRjdi
พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ กิโลเมตรที่ 41.5
ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย
โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ. 2530
และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ. 2538
รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม
ที่อยู่ : แม่แจ่ม, เชียงใหม่
เครดิต : https://1th.me/1fspX
ดอยม่อนจอง
เทือกดอยที่ขึ้นกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยแห่งนี้
มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าบริสุทธิ์
และเต็มไปด้วยสัตว์หายากนานาชนิดมากมาย โดยดอยม่อนจองนั้น
ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก
ทั้งนี้ คำว่า ม่อน เป็นภาษาคำเมือง หมายถึง ดอยหรือเนินเขา ส่วนคำว่า จอง
ก็เป็นภาษาคำเมืองจะออกเสียงว่า จ๋อง หมายถึง ลักษณะจั่ว
สามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด และยิ่งกว่านั้น ดอยม่อนจองแห่งนี้ ติดอันดับ 1
ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย
โดยจุดสูงสุดของดอยม่อนจองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929
เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า หัวสิงห์
เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต ในอดีตดอยม่อนจองเป็นดินแดนแห่งสรรพสัตว์
ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่อย่างอิสระเสรี เช่นกวางผา หรือ
ม้าเทวดาและเลียงผารวมทั้งโขลงช้างป่า
แต่ปัจจุบันยังมีอยู่แต่หาชมได้ยากมาก
และถ้าใครมีโอกาสได้พบสัตว์เหล่านี้แล้ว ถือว่าโชคดีมากเลยทีเดียว
สถานที่น่าสนใจบนยอดดอย
-
ชมภูเขาสูงสลับซับซ้อนที่จะมาพร้อมภาพของทุ่งหญ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีทองในช่วงหน้าหนาวงดงามมาก
นอกจากนี้
ดอยม่อนจองยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่จะทำให้คุณลืมวินาทีนั้นไม่ลงอีกด้วย
- ชมดอกกุหลาบพันปี ซึ่งจะบานในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม
ว่ากันว่าต้นกุหลาบพันปีบนดอยม่อนจองต้นนี้
เป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- ชมนกหายากหลายชนิด เช่น
เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าท้องขาว
นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น
- เดินป่าชมธรรมชาติขึ้นสู่ยอดดอย
การเดินขึ้นดอยม่อนจองสามารถไปเช้าเย็นกลับได้
แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยเกินไปนัก ควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
โดยต้องติดต่อขอนุญาตจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ
ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ฯ
ฤดูท่องเที่ยว
ดอยม่อนจองเปิดให้ท่องเที่ยวในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึง 15
กุมภาพันธ์ของทุกปี หลังจากนั้นจะปิดฤดูท่องเที่ยว
และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้น
เพราะต้องระวังภัยเรื่องช้างป่าที่ออกมาหากิน
รวมถึงสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งจัดซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า
เปิดทุกวัน เวลา
08.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 0 5324 8604 หรือ 0 5324
8607
สำหรับการเดินทางนั้น มีรายละเอียดดังนี้
- การเดินทางด้วยรถยนต์
ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ)
จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108
แล้วแยกซ้ายจากอำเภอฮอดเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปจนถึงตัวอำเภออมก๋อย
และตรงต่อไปตามทางหลวง 1099 ประมาณ 40 กิโลเมตร
จะพบหน่วยมูเซออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากหน่วยฯ ไปยังจุดเริ่มเดินอีกประมาณ 16
กิโลเมตร สภาพเส้นทางในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
และคนขับที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพทางเป็นลูกรัง
และแคบคดเคี้ยวริมผา
- การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง
จากอำเภอเมืองเชียงใหม่สามารถขึ้นรถได้ที่คิวรถประตูช้างเผือก มายังอมก๋อย
รถจะออกประมาณ 08.00 น. สนใจสามารถติดต่อเช่ารถรับ-ส่ง ที่จุดเริ่มเดินที่
คุณเดช เสริมมติวงศ์ โทร. 0 5346 7109 ส่วนเสบียงข้าวของต่าง ๆ
หาซื้อได้ที่ตัวอำเภออมก๋อย และค่าบริการลูกหาบต่อวันคนละ 150 บาท
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
เครดิต : https://1th.me/Vai3O
แสดงความคิดเห็น