วัดต้นสน
วัดเก่าแก่โบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหรือราว
ปี พ.ศ. 2310 สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา
เพราะอุโบสถหลังเก่ามี บัวอ่อน คันทวย
แต่ไม่มีจดหมายเหตุบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เล่าสืบต่อกันมาจากผู้เฒ่าผู้แก่
ซึ่งในเวลาต่อมาวัดเกิดทรุดโทรมจนเกือบกลายสภาพเป็นวัดร้าง
เพราะไม่มีปูชนียวัตถุแต่อย่างใด ต่อมาปี พ.ศ. 2488 พระราชสุวรรณโมลี
อดีตเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง
ได้เริ่มก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งในขณะนั้นเนื้อที่ของวัดมีเพียง
14 ไร่เศษเท่านั้น ต่อมาได้ขอซื้อที่ดินขยายที่ตั้งวัดออกมาเรื่อย ๆ
จนกระทั่งวัดจึงมีพื้นที่ทั้งหมด 27 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา
วัดต้นสนเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร พระนามว่า
สมเด็จพระพุทธนวโลกุตตรธัมมบดี ศรีเมืองทอง หรือชื่อย่อว่า
สมเด็จพระศรีเมืองทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 1 ศอก
19 นิ้ว หล่อด้วยโลหะทั้งองค์ลงรักปิดทอง พระราชสุวรรณโมลี
เจ้าอาวาสวัดต้นสนเดิมเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2516
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
ทรงประกอบพิธีสวมเกตุสมเด็จพระศรีเมืองทอง เมื่อ 7 มีนาคม 2528
นับเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะขนาดใหญ่ที่สุดองค์แรกและมีพุทธลักษณะที่งดงามอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีวังปลาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย
ที่อยู่ : หมู่ที่ 10 ถนนเทศบาล 10 เมืองอ่างทอง, อ่างทอง
เครดิต : https://1th.me/DLwXb
วัดท่าอิฐ
วัดนี้สร้างเมื่อปี
พ.ศ. 2304
บริเวณที่ตั้งเดิมเข้าใจว่าเป็นที่ปั้นและเผาอิฐเพื่อนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล
และเมื่อได้สร้างวัดขึ้น จึงขนานนามว่า “วัดท่าอิฐ”
พระประธานในอุโบสถมีนามว่า หลวงพ่อเพ็ชร ส่วนพระประธานในวิหารเรียก
“หลวงพ่อขาว ” เป็นพระพุทธรูปสร้างในสมัยอยุธยา ประดิษฐานอยู่ในวิหารมหาอุด
นอกจากนี้มี พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง โดดเด่นสีทองอร่าม สร้างปี พ.ศ.
2535โดยพระครูสุคนธศีลคุณ ( หลวงพ่อหอม ) องค์พระเจดีย์มีความกว้าง 40
เมตร สูง 73 เมตร รูปแบบศิลปะลังกา - อยุธยา และรัตนโกสินทร์
ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32ปล้อง
และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2538
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงประชวร
ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ พระคุณสุคนธศีลคุณ
จึงน้อมจิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานนามเจดีย์ว่า พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง
โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2543
ที่อยู่ : โพธิ์ทอง, อ่างทอง
เครดิต : https://1th.me/ULmUy
วัดเก่าแก่ที่ปลูกสร้างขึ้นราว
พ.ศ. 2323 ในสมัยกรุงธนบุรี
ภายในวัดมีพระยืนขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ในวิหารนามว่า
"หลวงพ่อพระพุทธรำพึง" หรือ "พระพุทธรำพึง"
เป็นพระพุทธรูปปางรำพึงแกะสลักด้วยไม้ สูง 2 เมตรกว่า
โดยพระพุทธรูปปางรำพึง คือ พระพุทธรูปในอิริยาบถประทับยืน
พระหัตถ์ทั้งสองประสานยกขึ้นประทับที่พระอุระ (อก)
พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย
เป็นปางขณะที่พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็น
บุคคลในโลกนี้เปรียบเสมือนบัว 4
เหล่าและทรงตั้งพุทธปณิธานที่จะแสดงธรรมโปรดสั่งสอนเวไนยสัตว์
และจะดำรงพระชนม์อยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนาให้แพร่หลายสำเร็จประโยชน์แก่ชนทุกหมู่เหล่า
ตามประวัติเล่าขานว่า ที่วัดถนนเคยมีแพลอยน้ำมาหน้าวัด
และไม่ยอมลอยน้ำต่อไป พระทองอยู่ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น
ลงไปดูพบว่าในแพมีพระทำด้วยไม้แกะสลักต้องทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระแกะสลักองค์นี้ขึ้นมา
คนที่ไปกราบไหว้บูชาจะเสี่ยงโชคขอพรให้ตั้งไข่ที่หน้าหลวงพ่อ
ถ้าใครตั้งไข่ได้ แสดงว่ามีโชคลาภ ดวงดี ถ้าใครตั้งไข่ไม่ได้
ก็แสดงว่าไม่มีดวง ถ้าจะแก้บนสิ่งที่ทำนายคือให้แก้บนด้วยไข่ต้ม
ละครและพวงมาลัย
ปัจจุบันถือเป็นวัดที่น่าไปเยี่ยมชมและแวะสักการะของผู้ไปเยือนจังหวัดอ่างทอง
ภายในมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น รอยพระพุทธบาทลอยฟ้า
ซึ่งแกะสลักด้วยไม้ติดอยู่บน เพดานศาลาการเปรียญ ขนาดกว้าง 30 นิ้ว ยาว 70
นิ้ว อายุนับ 100 ปี
ส่วนภูมิทัศน์ในวัดมีแผนผังเป็นระบบระเบียบประกอบไปด้วยหมู่กุฏิสงฆ์ทรงไทย
ซึ่งแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกสวยงามหลากหลาย
มีหมู่พระเจดีย์รายล้อมอยู่รอบพระอุโบสถหลังเก่า
เมื่อนำรถเข้ามาจากประตูหน้าวัด
จะมองเห็นยักษ์ปูนปั้นทำหน้าที่อารักขาวัดอยู่อย่างเข้มแข็งและน่าเกรงขาม
ที่อยู่ : ป่าโมก, อ่างทอง
เครดิต : https://1th.me/MDvMv
วัดชัยมงคล
วัดชัยมงคล
สร้างราวปี พ.ศ. 2400 หรือปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 4) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.
2525 ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้นอย่างทันสมัย
โดยนำเอาศิลปะสมัยใหม่มาผสมผสาน เช่น การใช้สีสะท้อนแสง
การเขียนแบบเหมือนจริง การให้น้ำหนักสีอ่อนและเข้ม
บนผนังเหนือหน้าต่างเขียนภาพเทพชุมนุมเพียงแถวเดียว
ในขณะที่ผนังตรงข้ามองค์พระประธาน
เขียนภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนพุทธบัลลังก์แทนภาพมารผจญ นอกจากนี้
ที่ศาลาการเปรียญของวัดชัยมงคลนั้น ทางพระครูวิเศษชัยวัฒน์ เจ้าอาวาส
ได้สร้างศาลาการเปรียญที่สูง 3 ชั้น
พร้อมติดตั้งลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขึ้นลงมานานหลายปี
บริเวณชั้นล่างใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนชั้น 2 ใช้ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานฐาน
พร้อมห้องรับรองสำหรับพระและญาติโยมผู้มาปฏิบัติธรรม
ชั้นบนสุดใช้สำหรับประชุมคณะสงฆ์
ประดับประดาไปด้วยภาพจิตรกรรมที่สวยงามน่าประทับใจ
การเดินทาง
จากทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 2 เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองอ่างทอง
ถึงตลาดเมืองอ่างทอง วัดชัยมงคลตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาล 10
ที่อยู่ : เมืองอ่างทอง, อ่างทอง
เครดิต : https://1th.me/Wekd8
วัดวิเศษชัยชาญ
วัดวิเศษชัยชาญเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองวิเศษชัยชาญมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเดิมเหลือเพียงเจดีย์เท่านั้น ส่วนสิ่งปลูกสร้างอื่น
นอกเหนือจากนั้นได้สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เดิมชาวบ้านเรียกว่า
"วัดท่าสุวรรณ" และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดวิเศษชัยชาญ" เมื่อวันที่ 16
มีนาคม พ.ศ. 2499 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.
2472 พื้นที่ตั้งของวัดเป็นที่ราบลุ่มอยู่ริมแม่น้ำน้อย
จึงมักถูกน้ำท่วมในฤดูฝน อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถที่มีลักษณะงดงาม
และมีการยกพื้นใต้ถุนสูง กว้าง 14 เมตร ยาว 19 เมตร สร้าง พ.ศ. 2474
มีเสากลม 12 ต้น อยู่ด้านนอกมีหลังคาซ้อนกัน 4 ชั้น
และมีลวดลายที่งดงามบนหน้าบัน ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนัง 4 ด้าน
เขียนขึ้นราว 30 ปีเศษ จิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นในสมัยเดียวกัน
เป็นภาพพุทธประวัติและภาพข้าศึกที่ เป็นชาวต่างชาติ
โดยภาพทั้งหมดเขียนแบบแรเงาโดยนายปุ๋ย พุ่มรักษา ช่างในเมืองหลวง
ส่วนด้านข้างพระอุโบสถมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญกว้าง 15 เมตร ยาว 29 เมตร สร้าง พ.ศ. 2472
กุฎีสงฆ์จำนวน 10 หลัง เป็นอาคารคอนกรีต สำหรับปูชนียวัตถุ
มีพระประธานในอุโบสถ และมีอนุสาวรีย์วีรบุรุษ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ
คือนายดอก และนายทองแก้ว ตั้งตระหง่านด้านหน้าวัด สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0
3553 6030, 0 3553 5789, 0 3553 6189
ที่อยู่ : วิเศษชัยชาญ, อ่างทอง
เครดิต : https://1th.me/kRpuo
แสดงความคิดเห็น