อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง
อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ
ที่ชาวบ้านช่วยกันพัฒนาป่าที่อยู่บริเวณหมู่บ้านให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
บรรยากาศเหมือนอยู่ภาคเหนือเนื่องจากล้อมรอบไปด้วยภูเขาเล็ก ๆ
ยิ่งในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นสบาย มีหมอกลอยอยู่เหนือน้ำในช่วงเช้า
ต้นไม้เขียวขจีในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว
สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายทั้งว่ายน้ำ พายเรือ ตกปลา และเป็นจุดถ่ายรูปสวย
ๆ ที่ไม่ควรพลาด ในอ่างเก็บน้ำมีแพพักไว้บริการ หรือกางเต๊นท์บริเวณริมน้ำ
สามารถพักแบบหมู่คณะ หรือครอบครัวก็มีหลายแบบให้เลือก
อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงจะปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและชาวบ้านจะทำการเกษตร
ในช่วงวันที่ 1 เมษายน-11 สิงหาคม ของทุกปี จะเปิดอีกทีในวันที่ 12 สิงหาคม
ติดต่อจองที่พักได้ที่ โทร. 09 8581 9199, 09 2493 3833, 08 7157 7130
ที่อยู่ : ด่านช้าง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/mIUvR
วัดสุวรรณภูมิ (วัดกลางหรือวัดใหม่)
วัดสุวรรณภูมิ เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนต้น
และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ในอดีตมีชื่อว่า
"วัดกลาง"
ซึ่งปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนขุนช้างไปขอนางพิมกับแม่ของนางพิม
โดยขุนช้างได้หลอกว่าขุนแผนเสียชีวิตแล้วในระหว่างศึกสงคราม
แม่ของนางพิมหลงเชื่อ และเกรงว่าทรัพย์สินต่าง ๆ จะถูกยึด
จึงยอมยกนางพิมให้แต่งงานกับขุนช้าง
แล้วให้รื้อหอขุนแผนนางพิมไปถวายที่วัดกลางแห่งนี้
ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4 ได้มีการบูรณะวัดแห่งนี้ใหม่
ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า "วัดใหม่" เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2459
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระเจ้าน้องยาเธอในรัชกาลที่ 6
ทรงประทานนามวัดนี้ใหม่ว่า "วัดสุวรรณภูมิ" ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น "ศาลาการเปรียญ" ที่มีความเก่าแก่มากโดยสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.
2491 และ"อุโบสถ"
ที่มีพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทอดพระกฐินที่นี่
ส่วนวิหารถือว่าเก่าแก่มากที่สุด และเป็นถาวรวัตถุหลังเดียวที่เหลืออยู่
สุดท้ายคือ "พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ)"
ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2514 เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น
พระพุทธรูป นาฬิกา อาวุธ เชี่ยนหมาก ถ้วยชาม แจกัน แก้ว
โดยเฉพาะบาตรสังคโลกสมัยสุโขทัยพุทธศตวรรษที่ 18-19
ซึ่งมีเพียงชิ้นเดียวในประเทศไทย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00
น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 3603, +66 3552 5276, +66 3552 1503,
+668 1013 2597 (ติดต่อขออนุญาตล่วงหน้า)
ที่อยู่ : ถนนพระพันวษา เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/sl4eu
บ้านยะมะรัชโช
จากเดิมที่เคยเป็นของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)
อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
รัชกาลที่ 8 และเป็นอดีตเสนาบดีถึง 3 กระทรวงคือ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงนครบาลและกระทรวงโยธาธิการ ลักษณะบ้านเป็นเรือนหมู่
ปัจจุบันเหลือเพียงตัวเรือนเดิม ประกอบด้วยเรือนนอน 2 หลัง หอกลาง 1 หลัง
หอนั่งสร้างใหม่แทนของเดิมอีก 1 หลัง สำหรับเจ้าพระยายมราชนั้น
เคยได้รับพระราชทานยศสูงสุดถึงมหาอำมาตย์นายกหรือเทียบเท่ากับ "จอมพล"
ของฝ่ายพลเรือน ซึ่งในประวัติศาสตร์มีเพียง 2 ท่านที่ได้รับพระราชทานยศนี้
เจ้าพระยายมราชยังได้เป็นครูของในหลวงถึง 2 รัชกาล ซึ่งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่
6 ถึงกับมีรับสั่งว่า จะทรงขาวไปพระราชทานเพลิงศพเจ้าพระยายมราช
ซึ่งมีความหมายว่า ทรงยกย่อเจ้าพระยายมราชเสมอพระญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งทีเดียว
ในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จบ้านหลังนี้ 2 ครั้ง
และได้พระราชทานชื่อบ้านคือ "ยะมะรัชโช" จากเดิมคือ "สุขุมาราม" หรือ
"สุขุมาลัย" ตามที่เล่าสืบต่อกันมา เจ้าของบ้านเดิมคือ นางนิล (สุขุม)
สุวรรณศร พี่สาวคนโตของเจ้าพระยายมราช ท่านเจ้าคุณได้ซื้อให้พี่สาว
ด้วยความกตัญญูรู้คุณที่เลี้ยงท่านมาแต่เล็กแต่น้อย
ต่อมาบ้านเป็นมรดกตกทอดสู่ลูกชายของท่านคนหนึ่งคือ พระยาสุนทรสงคราม (ปุย
สุวรรณศร) อดีตเจ้าเมืองสุพรรณบุรี แล้วตกทอดมาเป็นลำดับ
แต่บางแห่งก็บอกว่าเป็นบ้านของบิดามารดาเจ้าพระยายมราช คือ นายกลั่น
นางพึ่ง สุขุม แล้วตกเป็นมรดกแก่นางนิล พี่สาวคนโต
แล้วตกถึงพระยาสุนทรสงคราม (ปุย สุวรรณศร) ต่อมาทายาทสกุล สุวรรณศร
ได้ตระหนักในความสำคัญของบ้านยะมะรัชโช จึงได้จัดตั้ง
มูลนิธิพระยาสุนทรสงคราม (ปุย สุวรรณศร) ขึ้น
บ้านยะมะรัชโชจึงเป็นกองทุนในมูลนิธิดังกล่าว
ภายหลังจังหวัดสุพรรณบุรีได้จัดทำโครงการอนุรักษ์บ้านยะมะรัชโช
โดยส่งเข้าประกวดโครงการดีเด่นในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมในเมือง
ได้รับรางวัลพร้อมโล่และใบประกาศเกียรติคุณ
เปิดให้เยี่ยมชมทุกวันตั้งแต่
09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกธุรการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
โทร. +66 3550 2784-8, +66 3552 4088-98
ที่อยู่ : 109 ถนนหมื่นหาญ เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/HiwX5
วัดพระลอย
วัดพระลอยเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากวัดหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี
สร้างขึ้นเมื่อใด และสร้างโดยผู้ใดนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
แต่หากดูจากซากอุโบสถ อิฐ และใบเสมาแล้ว
คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยพระเจ้าอู่ทอง ชื่อวัดพระลอยนี้
เดิมเกิดจากการที่มีพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อหินทรายขาว
ซึ่งคาดว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี ลอยมาตามแม่น้ำท่าจีน (แม่น้ำสุพรรณ)
ชาวบ้านจึงได้ทำพิธีอาราธนาขึ้นมาจากแม่น้ำ แล้วสร้างวัดขึ้น
ในอดีตเรียกกันว่า "วัดชลอ" แต่ต่อมา ก็มาเรียกเป็น "วัดพระลอย" แทน
ภายในวัดแห่งนี้ นอกจากพระลอยอันเลื่องชื่อแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
เช่น "โบสถ์" ที่ปรักหักพังสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง
อายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี แต่ต่อมาทางวัดได้ปฏิสังขรณ์โดยสร้างโบสถ์ใหม่มาครอบ
ต่อมาเป็น "อุโบสถ" จตุรมุขใหญ่ สูงเด่น สง่างาม
ประดิษฐานพระพุทธนวราชมงคล สวยงามมาก
และยังมีพระพุทธรูปเนื้อหินทรายปางต่าง ๆ ที่เก่าแก่มากอีกด้วย ถัดไป คือ
"สังขารหลวงปู่แต้ม"
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวสุพรรณรวมไปถึงคนไทยทั้งประเทศ
นับถือมากรูปหนึ่ง ทั้งนี้ แม้ว่าท่านจะมรณภาพมานานแล้ว
แต่ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจที่สังขารท่านก็ไม่ได้เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา
นอกจากนี้แล้ว บริเวณท่าน้ำหน้าวัดยังเป็น "อุทยานมัจฉา"
อันเป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น้ำ
มีฝูงปลาหลายชนิดให้ผู้มาเที่ยวชมสามารถให้อาหารปลาได้ สุดท้าย
บริเวณรอบวัดมี "รูปปั้น" อันงดงามกระจายอู่โดยรอบ
ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นเรื่องพระเวสสันดรชาดก เทพจีน เป็นต้น
ทำให้บรรยากาศบริเวณวัดดูน่ารักและรื่นรมย์เป็นอย่างมาก
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
+66 3552 2324, +668 9616 2108
ที่อยู่ : เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/lyaAQ
หมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่
เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงเก่าแก่
และปลอดอบายมุข และของมึนเมาทุกประเภท
อยู่ใกล้น้ำตกตะเพินคี่ติดเขตแนวกันชน
มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งบ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่
เป็นกะเหรี่ยงด้ายเหลือง นับถือศาสนาพุทธ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5
ของทุกปี ตลอด 3 วัน 3 คืน จะมีงานพิธีไหว้จุฬามณี ซึ่งเป็นเจดีย์ปูนเล็ก ๆ
กลางหมู่บ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์จะรวมชนชาวเขาทุกสารทิศเข้าร่วมพิธี
มีสภาพอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี
ที่อยู่ : ด่านช้าง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/TsIp3
แสดงความคิดเห็น